ดัมเบลมีกี่แบบ อะไรบ้าง?
1. ดัมเบลแบบปรับน้ำหนัก
ดัมเบลแบบปรับน้ำหนักมีเพียงแค่คู่เดียว แต่สามารถปรับได้หลากหลายน้ำหนัก โดยใช้แผ่นน้ำหนักในการเพิ่ม-ลด น้ำหนัก
2. ดัมเบลแบบฟิกส์น้ำหนัก
ดัมเบลแบบฟิกส์น้ำหนัก จะเป็นน้ำหนักที่ตายตัวอยู่แล้ว ถ้าต้องการยกน้ำหนักที่มากขึ้น จำเป็นต้องมีดัมเบลหลายคู่
เลือกซื้อ...ดัมเบลแบบไหนดี?
แบบที่ 1 ดัมเบลยางนีโอพรีน Neoprene
ข้อดี : ใช้งานง่ายมาก เป็นดัมเบลหุ้มยาง เนื้อสัมผัสอย่างทราย เวลายกจะไม่เจ็บข้อมือ และราคาถูก มีน้ำหนักให้เลือก ตั้งแต่ 0.5 กิโลกรัมไปจนถึง 4 กิโลกรัม สามารถยกน้ำหนัก ไต่ขนาดน้ำหนักมากขึ้นได้
ข้อเสีย : อาจต้องซื้อดัมเบลหลายคู่ ถ้าหากต้องการใช้หลายน้ำหนัก แต่น้ำหนักดัมเบลรุ่น Neoprene นี้มีถึงแค่ 4 กิโลกรัม แต่ถ้าใครมีงบขึ้นมาหน่อย อยากใช้น้ำหนักที่เยอะขึ้น วัสดีพรีเมี่ยมขึ้น แนะนำดัมเบลยางเกรดฟิตเนสดีกว่า
แบบที่ 2 ดัมเบลยางเกรดฟิตเนส
เป็นเหล็กหุ้มด้วยยางคุณภาพดี มีน้ำหนักให้เลือกตั้งแต่ 2.5 - 50 กิโลกรัม มีน้ำหนักให้เลือกได้เยอะ และราคาไม่แพง ใช้งานง่าย
แต่ถ้าใครไม่อยากมีดัมเบลหลายคู่ และไม่อยากใช้เนื้อที่เยอะในการจัดเก็บ
ก็สามารถดูเป็นดัมเบลแบบปรับน้ำหนักได้
แบบที่ 3 ดัมเบลปรับน้ำหนัก รุ่น Gx-5 ปรับน้ำหนักได้ 1-5 กิโลกรัม
ข้อดีคือ มีคู่เดียว แต่สามารถปรับน้ำหนักได้หลายขนาด แต่ขอเสียคือ ต้องมาคำนวณน้ำหนักเอง แต่ทาง Homefittools มีใบคำนวนการปรับน้ำหนักแถมให้ คุ้มกว่า Neoprene
ดัมเบลปรับน้ำหนัก แบบพลาสติก (รุ่น 20P,40P)
ข้อดี : ราคาถูก สามารถปรับน้ำหนักได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ ก็สามารถยกดัมเบลหนักๆ ได้ และยังเป็นได้ทั้งดัมเบล บาร์เบล และเคทเทิลเบลได้ด้วย ในท้องตลาดจะมีแผ่นน้ำหนักดัมเบลทั้งแบบกลม และแบบเหลี่ยม ซึ่งร้าน Homefittools เลือกใช้เป็นแบบเหลี่ยม เพราะข้อดีคือเวลาวาง ดัมเบลจะไม่กลิ้งไปไหน และสามามารถพลิกแพลงเล่นได้หลากหลายท่า แผ่นน้ำหนักเป็นพลาสติกแบบแข็ง เป็นวัสดุปูนผสมทราย ส่วนตัวแกนจับเป็นเหล็กหุ้มด้วยพลาสติกอีกชั้น แข็งแรงมาก
ข้อเสีย : ของดัมเบลปรับน้ำหนัก แบบพลาสติกคือ ต้องคำนวณแผ่นน้ำหนักกับแกนเอง และไม่สามารถซื้อแผ่นน้ำหนักเพิ่มได้ เพราะแผ่นน้ำหนักจะมาพอดีกับเซ็ต
ถ้าใครไม่ชอบดัมเบลแบบพลาสติก ต้องการวัสดุแข็งแรงกว่านี้ สามารถซื้อแผ่นน้ำหนักเพิ่มได้
แบบที่ 4 ดัมเบลปรับน้ำหนัก แบบเหล็ก
ข้อดี : ราคาถูกกว่า แบบฟิกส์น้ำหนักหลายเท่า มีดัมเบลแค่คู่เดียวสามารถปรับน้ำหนักได้หลากหลายรูปแบบ และได้น้ำหนักที่เยอะด้วย ซื้อแผ่นน้ำหนักเพิ่มได้ วัสดุแข็งแรง ทนทานมากๆ เวลาตกพื้นไม่พัง ใช้งานได้ยาว พิเศษสำหรับลูกค้า Homefittools แถมฟรี ข้อต่อ สามารถเล่นเป็นบาร์เบลได้อีกด้วย พกพาง่าย มีกล่องพกพา จัดเก็บของได้ง่ายมาก
ข้อเสีย : การปรับน้ำหนักต้องคำนวณแกน คำนวณแผ่นน้ำหนัก แต่ Homefittools คำนวณให้หมดเลย และข้อเสียดัมเบลแบบเหล็กที่เจอกันบ่อยมากคือ ตัวล็อกแบบธรรมดา เวลาเล่นไปเรื่อยๆ จะคลายออก มีเสียงดัง-หลวม แผ่นน้ำหนักจะหลุดร่วง
แต่ร้าน Homefittools เปลี่ยนตัวล็อกดัมเบลเป็น ตัวล็อก 2 ชั้น แถมให้ฟรี ไม่มีเสียงดังรบกวน ดัมเบลไม่หลุดร่วง แต่ถ้าใครไม่ชอบดัมเบลแบบนี้ แนะนำดัมเบลปรับน้ำหนักอีกแบบ ปรับง่ายกว่า
แบบที่ 5 ดัมเบลปรับน้ำหนัก รุ่น HFT
ข้อดี : สามารถปรับระดับได้ 15 ระดับ ตั้งแต่ 2.5-24 กิโลกรัม และปรับได้ง่ายมากๆ คุ้มกว่าซื้อดัมเบลแบบฟิกส์น้ำหนัก การปรับน้ำหนัก เพียงแค่หมุน และเลือกขนาดน้ำหนักที่ต้องการและยกขึ้นได้เลย
ข้อเสีย : จะต้องปรับระดับให้เท่ากันทั้ง 2 ข้าง ดัมเบลถึงจะยกออกมาจากแท่นวางได้ หน่วยน้ำหนักจะเป็นปอนด์ (ทางร้านมีตารางแปลงน้ำหนัก แถมให้ ปอนด์-กิโลกรัม)
แบบที่ 6 ดัมเบลปรับน้ำหนัก รุ่น H20 และ H32
การใช้ดัมเบลรุ่นนี้ แค่หมุนแกนปรับเลือกน้ำหนักที่ต้องการ ก็สามารถยกน้ำหนักได้แล้ว เวลาเล่นไม่ต้องห่วงว่าดัมเบลจะตก หรือร่วงเลย เพราะตัวล็อกดัมเบล เป็นตัวล็อกอย่างดีวัสดุค่อนข้างพรีเมี่ยม แผ่นน้ำหนักหนามาก ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ มี 2 รุ่นให้เลือกคือ
- รุ่น H20 ขนาด 20 กิโลกรัม ปรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 2-20 กิโลกรัม
- รุ่น H32 ขนาด 32 กิโลกรัม ปรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 2-32 กิโลกรัม
สรุป ดัมเบลปรับน้ำหนัก รุ่น H20 และ H32 เป็นดัมเบลที่คุ้มค่าที่สุดในโลก เพราะสามารถแก้ปัญหาทุกจุดของดัมเบลปรับน้ำหนักที่เคยมีมาได้หมด แข็งแรงทนทาน ปลอดภัย ปรับน้ำหนักได้ง่าย