บอดี้เวท คือ อะไร? วิธีการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักตัวเองเป็นแรงต้าน
ในฐานะโค้ชผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปีและแชมป์การแข่งขันระดับนานาชาติ ผมสามารถยืนยันได้ว่าบอดี้เวทเป็นวิธีออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดวิธีหนึ่ง บอดี้เวทใช้น้ำหนักตัวของคุณเองเป็นแรงต้านธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม ทำได้ทุกที่ทุกเวลา และปรับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสม ทำให้เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้น ผู้สูงอายุ หรือนักกีฬามืออาชีพ
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพและร่างกายให้แข็งแรง แต่หลายคนอาจไม่มีเวลาหรือไม่สะดวกที่จะไปฟิตเนส นั่นคือเหตุผลที่ทำให้การออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า บอดี้เวท คืออะไร? และมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกายของเรา บทความนี้มีคำตอบครับ
สารบัญเนื้อหา
- บอดี้เวท คือ
- ความแตกต่างระหว่าง บอดี้เวท กับ เวทเทรนนิ่ง
- บอดี้เวท เหมาะกับใคร?
- บอดี้เวท ต้องทำทุกวันไหม? ทำวันละกี่นาที?
- บอดี้เวท ช่วยลดไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อได้ไหม?
- ท่าออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท ที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น
- เทคนิคการบอดี้เวทพิเศษจากโค้ชมืออาชีพ
- แจกโปรแกรมบอดี้เวทสำหรับผู้หญิง เอาใจสาวๆโดยเฉพาะเหมาะ
- ข้อดีของการทำ บอดี้เวท
- คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับบอดี้เวท
- สรุป
บอดี้เวท คือ
บอดี้เวท คือ รูปแบบการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักของร่างกายตัวเองเป็นแรงต้านในการฝึก โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มเติม ทำให้สามารถฝึกได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในสวนสาธารณะ การออกกำลังกายแบบนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความทนทาน และความยืดหยุ่นของร่างกาย
จากประสบการณ์การฝึกสอนลูกค้ามากกว่าพันคน ผมพบว่าบอดี้เวทสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายผ่านกลไก 3 อย่าง
-
-
-
- การฉีกขาดของกล้ามเนื้อระดับไมโคร เมื่อออกแรงต้านกับน้ำหนักตัว กล้ามเนื้อเกิดการฉีกขาดเล็กๆ เมื่อพักฟื้น กล้ามเนื้อจะซ่อมแซมตัวเองและแข็งแรงขึ้น
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบประสาท การควบคุมร่างกายในท่าต่างๆ ช่วยพัฒนาการสื่อสารระหว่างสมองกับกล้ามเนื้อ
- การกระตุ้นฮอร์โมนเพิ่มกล้ามเนื้อ การออกแรงต้านกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เช่น เทสโทสเตอโรนและโกรทฮอร์โมน
-
-
ความแตกต่างระหว่าง บอดี้เวท กับ เวทเทรนนิ่ง
ความแตกต่างระหว่าง บอดี้เวท กับ เวทเทรนนิ่ง ชื่อคล้ายๆ กันแบบนี้ ต่างกันอย่างไร โดยการเล่นเวทเทรนนิ่งจะใช้อุปกรณ์เสริมเช่น ดัมเบล บาร์เบล หรือเครื่องออกกำลังกายต่างๆ ในการสร้างแรงต้าน ในขณะที่ บอดี้เวท ใช้เพียงน้ำหนักตัวเองเท่านั้น ทำให้การฝึก บอดี้เวท มีความยืดหยุ่นและสะดวกมากกว่า หลายคนสงสัยว่า ออกกำลังกายแบบไหนลดไขมันได้ดีที่สุด คำตอบคือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่เน้นการเคลื่อนไหวต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี แต่การทำ บอดี้เวท ก็สามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อทำในรูปแบบของการฝึกแบบวงจร (Circuit Training) ที่เน้นการทำท่าต่างๆ ต่อเนื่องกันโดยมีเวลาพักน้อย
จากการฝึกสอนทั้งบอดี้เวทและเวทเทรนนิ่ง ผมพบว่ามีข้อแตกต่างอีกดังนี้
1.เรื่องการฟื้นตัว
เมื่อเทียบกับการออกกำลังกายที่ใช้อุปกรณ์หรือเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายหรือผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพข้อต่อในระยะยาว เนื่องจากแรงกระแทกต่อข้อต่อต่ำกว่า การใช้ร่างกายเป็นน้ำหนักต้าน (Resistance) ธรรมชาติช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากแรงกดหรือแรงดึงที่มากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังจากการฝึก อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการออกกำลังกายทุกวันโดยไม่ต้องพักนาน เหมาะกับผู้ที่มีตารางเวลาแน่นและต้องการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
2.ความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บ
เนื่องจากการออกกำลังกายด้วยบอดี้เวทใช้เพียงน้ำหนักตัวของเราเองเป็นแรงต้าน ร่างกายไม่ต้องเผชิญกับน้ำหนักที่เกินกว่าธรรมชาติที่จะรับไหว จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บในบริเวณข้อต่อ เช่น หัวเข่า ข้อศอก หรือข้อมือ อีกทั้งยังสามารถปรับระดับความยากง่ายของท่าได้ตามความสามารถของผู้ฝึก เช่น การลดจำนวนครั้ง หรือปรับมุมของท่าออกกำลังกาย การฝึกแบบนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกาย ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งผู้ที่เคยมีประวัติการบาดเจ็บมาก่อนและต้องการฟื้นฟูร่างกายอย่างปลอดภัย
3.พัฒนาการของสมดุลร่างกายที่ดี
การฝึกด้วยน้ำหนักตัวเองมักเป็นการฝึกแบบ Functional Training ซึ่งหมายถึงการฝึกที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ท่าออกกำลังกายอย่างเช่น Plank, Push-Up, และ Single-Leg Squat จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Stabilizer Muscles) ที่มีหน้าที่ควบคุมการทรงตัวและความมั่นคงของร่างกาย กล้ามเนื้อมัดเล็กเหล่านี้มักไม่ได้รับการพัฒนาเพียงพอจากการฝึกด้วยอุปกรณ์หรือเครื่องยกน้ำหนักแบบเดิมๆ แต่สำหรับบอดี้เวท การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยรักษาสมดุลจะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในทุกท่า นอกจากนี้ การพัฒนาสมดุลร่างกายยังช่วยลดโอกาสการหกล้มหรือบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันได้อีกด้วยครับ
บอดี้เวท เหมาะกับใคร?
คำตอบ คือ เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ เพราะสามารถปรับระดับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน ผู้สูงอายุก็สามารถทำ บอดี้เวท ได้ โดยเลือกท่าที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
1.ผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย
-
- บอดี้เวทเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
- สามารถเริ่มจากท่าง่ายๆ และค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนได้ตามความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น
- ช่วยเรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น การสควอต การแพลงค์ และการวิดพื้น
- ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการฝึกผิดท่าได้
2.ผู้ที่มีเวลาจำกัด
-
- เหมาะสำหรับคนที่มีตารางชีวิตแน่น เพราะบอดี้เวทสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
- ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยิมหรือใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม
- สามารถปรับเปลี่ยนท่าออกกำลังกายให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้
- ทำโปรแกรมออกกำลังกายสั้นๆ ในเวลาเพียง 15-20 นาทีก็ได้เช่นกัน
3.ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
-
- ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง
- สามารถเริ่มต้นได้ทันทีในพื้นที่เล็กๆ เช่น บ้านหรือที่พัก บอดี้เวท เป็นวิธีที่สะดวกในการรักษาความฟิตแม้อยู่ต่างที่
- ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงก์ วิดพื้น และสควอต การบอดี้เวทช่วยเพิ่มความแข็งแรงและเผาผลาญพลังงานได้ดี
4.นักเดินทาง
-
- สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย เพราะการออกกำลังกายแบบบอดี้เวทนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์หรือสถานที่เฉพาะ
- ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงค์ในห้องพักโรงแรม หรือวิดพื้นในสวนสาธารณะ ช่วยรักษาความฟิตได้
5.ผู้สูงอายุ
-
- สามารถปรับโปรแกรมบอดี้เวทให้เหมาะกับความสามารถและข้อจำกัดของผู้สูงอายุ
- ท่าง่ายๆ เช่น ท่านั่งลุกบนเก้าอี้ หรือท่ายืดกล้ามเนื้อหลัง ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
- ลดความเสี่ยงการหกล้มและเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ
6.ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
-
- บอดี้เวทเป็นวิธีที่ปลอดภัย เพราะควบคุมแรงกระแทกที่เกิดกับข้อต่อได้
- ท่าออกกำลังกายอย่างเช่น การยืดกล้ามเนื้อหรือการแพลงค์ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะบาดเจ็บที่หัวเข่าและข้อเท้า
- เหมาะสำหรับเริ่มต้นออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกลัวการบาดเจ็บ
7.นักกีฬา
-
- ใช้บอดี้เวทเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
- ท่าเช่น Pull-up หรือ Plyometric Exercises ช่วยเพิ่มพลังและความเร็วในกีฬาเฉพาะทาง
- พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ไม่ค่อยได้ใช้งานในโปรแกรมออกกำลังกายอื่น
8.ผู้ที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย
-
- เหมาะสำหรับผู้ที่ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ เพราะปรับให้เหมาะกับข้อจำกัดทางร่างกายได้
- ท่าเบาๆ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ หรือการนั่งย่อตัว ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
- เหมาะสำหรับฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ
9.ผู้ที่ชอบความท้าทาย
-
- บอดี้เวทมีท่าขั้นสูงมากมายที่ต้องใช้ความแข็งแรงและการควบคุมร่างกาย เช่น One-arm Push-up หรือ Pistol Squat
- สามารถปรับเปลี่ยนท่าเพื่อเพิ่มความยากและความท้าทายได้เรื่อยๆ
10.ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
-
- แม้ไม่ใช้น้ำหนักภายนอก แต่บอดี้เวทช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ท่าที่ต้องใช้ความพยายามสูง เช่น Pull-up, Plank Variations หรือ Handstand Push-up
- ปรับจำนวนครั้งและความหนักเบาเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงตามเป้าหมาย
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มไหน บอดี้เวท ก็สามารถปรับให้เหมาะกับเป้าหมายและความสามารถของคุณได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ บอดี้เวท เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับทุกคนจริงๆ
บอดี้เวท ต้องทำทุกวันไหม? ทำวันละกี่นาที?
บอดี้เวท เป็นการออกกำลังกายที่ยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะกับทุกคนได้ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ต้องทำทุกวันไหม และควรทำนานแค่ไหน โดย บอดี้เวท ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน การฝึก 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว โดยควรมีวันพักสลับกับวันฝึก เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักฟื้นและเติบโต การฝึกทุกวันอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเหนื่อยล้าเกินไปได้ สำหรับผู้เริ่มต้น อาจเริ่มจาก 2-3 วันต่อสัปดาห์ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความแข็งแรงของร่างกาย
ส่วนเรื่องระยะเวลา สำหรับผู้เริ่มต้น การฝึก 15-20 นาทีต่อวันก็เพียงพอ เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มเวลาเป็น 30-45 นาทีต่อวันได้ สิ่งสำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอและค่อยๆ เพิ่มความหนักขึ้นเรื่อยๆ
การแบ่งการฝึกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้การทำ บอดี้เวท มีประสิทธิภาพ คุณอาจเลือกฝึกทุกส่วนของร่างกายในวันเดียว หรือแบ่งเป็นส่วนๆ เช่น วันหนึ่งฝึกขา อีกวันฝึกแขน และอีกวันฝึกแกนกลางร่างกาย การพักก็สำคัญไม่แพ้การฝึก ควรพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30 วินาที ถึง 2 นาที และมีวันพักอย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู เมื่อร่างกายเริ่มชิน คุณสามารถเพิ่มความท้าทายได้โดยเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต ลดเวลาพักระหว่างเซ็ต หรือเพิ่มความซับซ้อนของท่า
คลิกที่นี่ ! เลือกซื้ออุปกรณ์บอดี่้เวท ไม่ว่าจะเป็นบาร์ดึงข้อ เชือกกระโดด และอื่นๆอีกมากมาย
ความถี่ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับของแต่ละคน โดยโค้ชปูแน่นจะจำแนกเป็นดังนี้
มือใหม่ (0-3 เดือน)
-
- 3 วันต่อสัปดาห์ วันเว้นวัน
- 20-30 นาทีต่อครั้ง
- เน้นท่าพื้นฐาน ฝึกฟอร์ม
ระดับกลาง (3-12 เดือน)
-
- 4-5 วันต่อสัปดาห์
- 30-45 นาทีต่อครั้ง
- เพิ่มท่าที่ซับซ้อนขึ้น
ระดับสูง (1 ปีขึ้นไป)
-
- 5-6 วันต่อสัปดาห์
- 45-60 นาทีต่อครั้ง
- ผสมผสานท่ายาก เพิ่มความเข้มข้น
บอดี้เวท ช่วยลดไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อได้ไหม?
บอดี้เวท เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพทั้งในแง่ของการลดไขมันและการเพิ่มกล้ามเนื้อ มาดูกันว่า บอดี้เวท ส่งผลอย่างไรต่อร่างกายของเรา
การลดไขมันด้วย บอดี้เวท
บอดี้เวท สามารถช่วยลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะไม่ใช่การออกกำลังกายแบบแอโรบิกโดยตรง แต่การทำ บอดี้เวท อย่างต่อเนื่องและเข้มข้นสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก โดยเฉพาะเมื่อทำในรูปแบบของการฝึกแบบวงจร (Circuit Training) ที่เน้นการทำท่าต่างๆ ต่อเนื่องกันโดยมีเวลาพักน้อย
นอกจากนี้ การทำ บอดี้เวท ยังช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้นแม้ในยามพัก นั่นหมายความว่า คุณจะเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นแม้ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
อย่างไรก็ตาม การลดไขมันที่มีประสิทธิภาพต้องทำควบคู่กับการควบคุมอาหารด้วย การทำ บอดี้เวท ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมปริมาณแคลอรี่ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการลดไขมัน
การเพิ่มกล้ามเนื้อด้วย บอดี้เวท
บอดี้เวท สามารถช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อได้ แม้ว่าอาจไม่มากเท่ากับการยกน้ำหนัก แต่ก็มีประสิทธิภาพในการสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและมีความทนทาน การทำ บอดี้เวท จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นมากขึ้น
ท่า บอดี้เวท หลายท่าสามารถปรับให้ยากขึ้นเพื่อสร้างความท้าทายให้กล้ามเนื้อ เช่น การทำวิดพื้นแบบยกขาข้างเดียว หรือการทำดิปโดยยกขาขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อได้
สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้ออย่างมาก อาจต้องเพิ่มการฝึกด้วยน้ำหนักเสริม แต่สำหรับคนทั่วไปที่ต้องการร่างกายที่แข็งแรงและมีกล้ามเนื้อที่เป็นสัดส่วน บอดี้เวท ก็เพียงพอแล้ว
เคล็ดลับจากประสบการณ์การแข่งขันของผม
1.ทำซุปเปอร์เซ็ต ต่อท่าแบบไม่พัก เพิ่มการเผาผลาญ
การออกกำลังกายแบบซุปเปอร์เซ็ตช่วยเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกโดยการทำท่าต่อเนื่องกันโดยไม่พักระหว่างเซ็ต นอกจากจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรี่แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความทนทานของกล้ามเนื้อและระบบหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.เพิ่มจังหวะช้า ยืดเวลาการทำงานของกล้ามเนื้อ
การเพิ่มจังหวะช้าในแต่ละท่า เช่น การย่อตัวลงในท่าสควอทอย่างช้าๆ จะช่วยเพิ่มความตึงเครียดในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อต้องทำงานหนักขึ้นและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงได้ดี
3.ลดเวลาพัก รักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้สูง
การลดเวลาพักระหว่างเซ็ตเป็นวิธีที่ดีในการรักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานอย่างต่อเนื่องและเหมาะสำหรับการลดไขมันในร่างกาย
4.เน้นท่าคอมพาวด์ ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน
การออกกำลังกายด้วยท่าคอมพาวด์ เช่น ท่าแพลงก์พร้อมดึงดัมเบล หรือท่าสควอทแบบกระโดด ช่วยให้กล้ามเนื้อหลายมัดทำงานพร้อมกัน ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังเพิ่มความท้าทายและเสริมสร้างความสมดุลของร่างกายได้อย่างดี
ท่าออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท ที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น
บอดี้เวท มีท่าออกกำลังกายมากมายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม นี่คือ 5 ท่าพื้นฐานที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น
1.สควอท (Squats)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก วิธีทำคือยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อตัวลงเหมือนนั่งเก้าอี้ โดยให้หลังตรงและเข่าไม่เลยปลายเท้า จากนั้นยืดตัวขึ้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซ็ต
2.วิดพื้น (Push-ups)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก แขน และไหล่ เริ่มจากท่านอนคว่ำ มือวางห่างกันเท่าความกว้างของไหล่ ใช้แขนดันตัวขึ้น โดยให้ร่างกายเป็นแนวตรง แล้วลดตัวลงช้าๆ ทำซ้ำ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต หากยังทำไม่ไหว สามารถทำแบบเข่าแตะพื้นได้
วิดพื้นด้วยบอร์ดวิดพื้น สามารถเสริมสร้างได้หลายส่วน ซื้อบอร์ดวิดพื้นได้ที่นี่ คลิกเลย !
3.เพลงก์ (Planks)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่านอนคว่ำ ยกตัวขึ้นโดยใช้ปลายเท้าและแขนท่อนล่างรับน้ำหนัก ให้ร่างกายเป็นแนวตรง พยายามค้างไว้ 20-30 วินาที ทำ 2-3 เซ็ต
4.ลันจ์ (Lunges)
ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก รวมถึงช่วยพัฒนาการทรงตัว ยืนตรง ก้าวขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า ย่อตัวลงให้เข่าทั้งสองข้างงอเป็นมุมฉาก แล้วดันตัวกลับสู่ท่าเริ่มต้น สลับขาทำอีกข้าง ทำข้างละ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต
5.เมาน์เทนไคลม์เบอร์ (Mountain Climbers)
ท่านี้ช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่าวิดพื้น แล้วยกเข่าขวาขึ้นมาชิดอก สลับกลับไปที่เดิม แล้วยกเข่าซ้ายขึ้นมาแทน ทำสลับกันเร็วๆ เหมือนกำลังวิ่งอยู่กับที่ ทำต่อเนื่อง 30 วินาที พัก แล้วทำซ้ำ 2-3 เซ็ต
เมื่อเริ่มต้น ให้ทำแต่ละท่า 2-3 เซ็ต โดยพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30-60 วินาที เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต หรือลดเวลาพักลงได้
การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอด้วยท่าเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของความแข็งแรง ความทนทาน และรูปร่างที่กระชับขึ้น นอกจากนี้ การฝึก บอดี้เวท ยังช่วยพัฒนาการทรงตัวและความมั่นคงของร่างกาย เนื่องจากต้องควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในหลายมิติ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในชีวิตประจำวันและช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้
เทคนิคการบอดี้เวทพิเศษจากโค้ชมืออาชีพ
การหายใจที่ถูกต้อง
-
- หายใจเข้าช่วงผ่อนแรง
- หายใจออกช่วงออกแรง
- ไม่กลั้นหายใจระหว่างทำท่า
การจัดท่าทาง
-
- กดสะโพกเข้าหาลำตัวทุกท่า
- รักษาแนวกระดูกสันหลัง
- เกร็งหน้าท้องตลอดการเคลื่อนไหว
การปรับท่าตามข้อจำกัดร่างกายแต่ละคน
สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า
-
- ย่อสควอทแค่ 45 องศา
- เพิ่มการทำท่าวอล์คซิท
- หลีกเลี่ยงจั้มพ์สควอท
สำหรับผู้มีปัญหาหลัง
-
- เริ่มพลังก์จากท่าคุกเข่า
- ลดระยะเวลาการค้างท่า
- เน้นการทำท่าที่นอนราบ
การเตรียมตัวและการฟื้นฟูร่างกาย
ก่อนเริ่ม
-
- วอร์มอัพ 5-10 นาทีด้วยท่าง่ายๆ
- ยืดเหยียดแบบไดนามิก
- จิบน้ำ 200-300 มล.
ระหว่างทำ
-
- พักระหว่างเซ็ต 30-60 วินาที
- หายใจสม่ำเสมอ
- สังเกตสัญญาณเหนื่อยล้า
หลังจบ
-
- คูลดาวน์ 5-10 นาที
- ยืดเหยียดแบบสถิต
- ดื่มน้ำทดแทน 500 มล.
โภชนาการสำหรับคนทำบอดี้เวท
ก่อนออกกำลัง 1-2 ชั่วโมง
-
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
- โปรตีนย่อยง่าย
- หลีกเลี่ยงไขมัน
หลังออกกำลังทันที
-
- โปรตีนคุณภาพสูง 20-30 กรัม
- คาร์โบไฮเดรตฟื้นฟู
- เกลือแร่ทดแทน
Tips สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นฝึก บอดี้เวท ควรเริ่มจากท่าพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนของท่าทาง รวมถึงจำนวนครั้งและเซ็ตในการฝึก การอบอุ่นร่างกายก่อนฝึกและการยืดกล้ามเนื้อหลังฝึกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
แจกโปรแกรมบอดี้เวทสำหรับผู้หญิง เอาใจสาวๆโดยเฉพาะเหมาะ
วัน |
ส่วนที่ฝึก |
ท่าออกกำลังกาย |
จำนวนเซ็ต x จำนวนครั้ง |
วันที่ 1 |
ส่วนล่าง |
สควอท |
3x15 |
ลันจ์ข้างละ |
3x12 |
||
กลิทช์บริดจ์ |
3x20 |
||
คาร์ฟเรส |
3x30 |
||
วันที่ 2 |
แกนกลาง |
เพลงก์ |
3x45 วินาที |
มาวน์เทนไคลม์เมอร์ |
3x30 วินาที |
||
รัสเซียนทวิสต์ |
3x20 |
||
เลกเรส |
3x15 |
||
วันที่ 3 |
ส่วนบน |
พุชอัพแบบผู้หญิง |
3x10 |
ไทรเซปดิป |
3x12 |
||
ซูเปอร์แมน |
3x15 |
||
อินเวิร์ทโรว์ |
3x12 |
||
วันที่ 4 |
อก/ไหล่ |
พุชอัพ |
4x15 |
ไพค์พุชอัพ |
3x12 |
||
ดีคลายน์พุชอัพ |
3x12 |
||
ไดมอนด์พุชอัพ |
3x10 |
||
วันที่ 5 |
ขา/แกนกลาง |
พิสทอลสควอท |
4x12 ข้าง |
จั้มสควอท |
3x15 |
||
บัลเกเรียนสควอท |
3x20 |
||
เพลงก์ทูไพค์ |
3x10 |
||
วันที่ 6 |
หลัง/แขน |
พูลอัพ/ชินอัพ |
4xMAX |
อินเวิร์ทโรว์ |
4x12 |
||
ไทรเซปดิป |
4x15 |
||
ฮินดูพุชอัพ |
3x12 |
||
วันที่ 7 |
ฟื้นฟูและยืดเหยียด |
ยืดกล้ามเนื้อส่วนบน |
3x30 วินาที |
ยืดกล้ามเนื้อส่วนล่าง |
3x30 วินาที |
||
โยคะเบา ๆ |
15-20 นาที |
ข้อดีของการทำ บอดี้เวท
การทำ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างร่างกายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
-
-
- เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ ปรับปรุงการทรงตัวและความยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บและการหกล้ม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ
- ในด้านสุขภาพหัวใจและการเผาผลาญ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักและเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ
- ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและการนอนหลับ โดยช่วยลดความเครียด อาการซึมเศร้า และความวิตกกังวล เพิ่มความมั่นใจและความรู้สึกดีต่อตัวเอง รวมถึงปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้น
- การทำ บอดี้เวท ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคได้ดีขึ้น และยังปรับปรุงการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มความจำและการเรียนรู้อีกด้วย
- การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอช่วยพัฒนาสุขภาพโดยรวม ทั้งร่างกายและจิตใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นและผู้สูงอายุ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่ำ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกายใหม่ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว
- เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การหยิบจับสิ่งของหรือการทรงตัวในพื้นที่ไม่มั่นคง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่อาจสะสมจนเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ในอนาคตได้
- กล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น นำไปสู่ความมั่นใจในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายหรือผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาความแข็งแรงของร่างกาย
- กล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงช่วยรองรับข้อต่อและลดแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเคลื่อนไหวผิดพลาด การออกกำลังกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพในระยะยาว ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับบอดี้เวท
1.บอดี้เวทช่วยลดน้ำหนักได้เร็วแค่ไหน?
- จากประสบการณ์ลูกค้าของดิฉัน เห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ หากทำควบคู่กับควบคุมอาหาร สามารถลดได้ 2-4 กก./เดือน อย่างปลอดภัย
2.ทำบอดี้เวทแล้วกล้ามใหญ่เกินไปไหม?
- ไม่ใหญ่เกินค่ะ เพราะมีข้อจำกัดจากน้ำหนักตัว กล้ามเนื้อจะกระชับ แข็งแรง แต่ไม่บวมใหญ่
3.ควรทำบอดี้เวทก่อนหรือหลังคาร์ดิโอ?
- ขึ้นกับเป้าหมาย หากต้องการเผาผลาญ ทำคาร์ดิโอก่อน หากเน้นสร้างกล้าม ทำบอดี้เวทก่อน
4.ทำบอดี้เวทแล้วต้องกินอาหารเสริมไหม?
- ไม่จำเป็นสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ถ้าฝึกหนัก อาจเสริมโปรตีนเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
5.เริ่มต้นทำบอดี้เวทควรทำกี่ครั้งต่อสัปดาห์?
- เริ่มที่ 3 ครั้ง/สัปดาห์ วันเว้นวัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
6.บอดี้เวทเหมาะกับผู้สูงอายุไหม?
- เหมาะสมมาก เพราะใช้น้ำหนักตัวเอง ปรับระดับได้ ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกระดูก
7.จะรู้ได้อย่างไรว่าทำบอดี้เวทถูกต้อง?
- ต้องรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อเป้าหมาย ไม่มีอาการปวดข้อหรือหลัง และควรถ่ายวิดีโอตัวเองเพื่อเช็คท่าทาง
สรุป
สรุปแล้ว บอดี้เวท คือ วิธีการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ ประหยัด และสะดวก เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความทนทาน และความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย อีกทั้งยังช่วยลดไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำ บอดี้เวท ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาจิตใจอีกด้วย การฝึกความอดทน การตั้งเป้าหมายและบรรลุเป้าหมาย รวมถึงการเอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง ล้วนเป็นทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
จากประสบการณ์ตรงของผม การออกกำลังกายแบบบอดี้เวทเป็นมากกว่าการออกกำลังกาย แต่เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจ สร้างความแข็งแรง ความมั่นใจ และสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน เริ่มต้นง่ายๆ ที่บ้าน แต่สามารถพัฒนาไปได้ไกลถึงระดับการแข่งขัน สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นและทำอย่างสม่ำเสมอ ให้เวลาร่างกายปรับตัว และสนุกไปกับการพัฒนาตัวเองในแต่ละวัน
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือต้องการคำแนะนำเฉพาะบุคคล สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายเพื่อวางแผนการฝึกที่เหมาะสมกับคุณได้
ท้ายที่สุด บอดี้เวท ไม่ใช่เพียงแค่การออกกำลังกาย แต่เป็นวิถีชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การเริ่มต้นอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง คุณจะพบว่าร่างกายและจิตใจของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ หรือมีพื้นฐานการออกกำลังกายแค่ไหน บอดี้เวท ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ทันที เพื่อก้าวสู่การมีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
-
เพิ่มไขมันดี (HDL) เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง เทคนิคและ 20 อาหารที่แนะนำ
-
คาร์โบไฮเดรต พลังงานสำคัญสำหรับนักออกกำลังกาย และนักกล้าม
-
15 ประโยชน์ของการวิ่ง ลงทุนสุขภาพง่ายๆ ด้วยการวิ่ง
-
อาหารหลังออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมพลัง สร้างผลลัพธ์ที่ดี
-
เคล็ดลับออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน - ฟิต หุ่นสวย คลายปวด ด้วยวิธีง่ายๆ
-
- เครื่องเล่นสกีในร่ม Ski Machine สุดยอดเครื่องคาร์ดิโอ Concept2 SkiErgราคาพิเศษ ฿ 74,900.00 ราคาปรกติ ฿ 86,800.00สินค้าหมด
-
-