ทุกการเคลื่อนไหวจะเป็นสิ่งที่พบเห็นและทำอยู่ทุกวันจนเป็นเรื่องปรกติ ทว่าหากเรารู้เบื้องหลังการทำงานของมันสักนิด ชีวิตอาจง่ายขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มส่งสัญญาณอาการสารพัดปวด ปวดหลัง ปวดไหล่ หรือปวดเข่า ล้วนแล้วทำคุณรำคาญไม่น้อยเลย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาเคล็ดขัดยอก และต้องการเพิ่มคล่องแคล่วระหว่างการเคลื่อนไหว Functional Training สามารถให้คำตอบกับคุณได้
พบกับ Homefittools เช่นเคย พร้อมเทคนิคคู่ใจที่ช่วยคุณออกกำลังกายลดน้ำหนักและเสริมแกร่งที่บ้านได้สะดวก และครั้งนี้เราจะพาผู้อ่านรู้จักกับการออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่ชื่อ Functional Training กันว่าคืออะไร พร้อมทริคเสริม Mobility & Stability ให้คล่องตัวและแข็งแกร่งกว่าเคย
Functional Training คือการออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่เน้นบริหารกล้ามเนื้อและข้อต่อหลายส่วนของร่างกายไปพร้อมกัน สมชื่อ “Function” ซึ่งสื่อถึงการทำงานของแต่ละส่วนซึ่งทำหน้าที่สอดประสานเป็นระบบ เช่น ขณะทำท่า Squat เราได้ใช้กล้ามเนื้อส่วนสะโพก เข่า และข้อเท้าในลักษณะงอและยืดออก ก่อนขับเน้นให้กล้ามเนื้อก้นทำงานควบคู่กับบริเวณกระดูกสันหลัง น่องและเอ็นร้อยหวายอย่างพร้อมเพรียง
หากสืบย้อนประวัติเราจะพบว่าเจ้า Functional Training แท้จริงแล้วถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรีกเช่นเดียวกันกับ Calisthenics ทว่าเป็นเพียงสิ่งไร้นามที่ผูกพันกับชีวิตผู้คนและแพทย์เช่น “ฮิปโปเคลติส” (Hippocrates) มักหยิบมาใช้บำบัดความเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง เพียงให้ผู้ป่วยขว้างลูกบอลออกจากตัว เมื่อนั้นเองที่เราได้ไอเดียมาต่อยอดเป็น Medical Ball ที่เราเห็นในปัจจุบัน
กระทั่งถึงยุค 90s เป็นต้นมา คำว่า Functional Training ก็ได้รับการพูดถึงอย่างล้นหลามจนกลายเป็นทางเลือกออกกำลังกายคลายเส้นและปรับการทรงตัวได้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นยางยืด (Elastic band) เชือก แคทเทิลเบล กระสอบทราย หรือแม้แต่ล้อยาง ล้วนแล้วเป็นผลิตผลซึ่งช่วยสร้างท่วงท่าเคลื่อนไหวที่หลากหลายและสง่างาม อย่างไรก็ตาม หากใครบริหารท่าเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยคุณได้หลายข้อทีเดียว
ประโยชน์จากการทำ Functional Training
รวมสินค้าที่เกี่ยวกับ Functional Training ทุกชนิด คลิกเลย !
บางคนยังงุนงงกันอยู่บ้างเมื่อได้ยินสองคำนี้ แต่ถ้าบอกว่าหากร่างกายไม่มีสองสิ่งนี้แล้วจะขยับไม่ได้และเสียหลักล้มขณะใช้ท่าล่ะ เราคงนึกภาพออก ส่วนนี้เราจะค่อย ๆ อธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น
Mobility คือความสามารถในการบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วและอิสระ ตามช่วงระยะและทิศทางที่ข้อต่อสามารถทำได้ (ROM : Range of Motion) เช่น หมุนคอไปด้านซ้ายและขวาได้ แต่หมุนรอบทิศ 360 องศาไม่ได้ ซึ่งล้วนแล้วอาศัยปัจจัยช่วยเคลื่อนไหวหลายอย่างภายใต้สิ่งที่เรียกว่า “ความยืดหยุ่น” (Flexibility) ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความสามารถยืดหดของกล้ามเนื้อ ฟังก์ชั่นของข้อต่อ หรือเสถียรภาพการรับสั่งของระบบประสาทก็ตาม
Stability คือความสามารถในการควบคุมร่างกายให้ทรงตัวได้มั่นคงและเคลื่อนไหวอย่างมีกำลัง ซึ่งทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีห่วงข้อต่อ (Kinetic Chain) ซึ่งประกอบด้วย กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical Spine) ข้อศอก ส่วนเอวและเข่า (Lumbar Spine and Knee) อยู่เบื้องหลัง แน่นอนว่าหากส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดเสียสภาพควบคุมจะเกิดอาการปวดที่บริเวณนั้น เช่น ปวดเข่า เอวเคล็ด เจ็บท้ายทอย เป็นต้น
ภาพแสดงสัดส่วนข้อต่อซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและทรงตัวของร่างกาย
แหล่งอ้างอิงภาพ : https://ultimatesandbagtraining.com/building-better-shoulder-hip-mobility/
ฉะนั้นหากดูเรื่อง Mobility & Stability จะเกี่ยวกับ Posture ในทุกกิจกรรมว่าเคลื่อนไหวได้ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ เพื่อลดเลี่ยงภาระหนักให้ส่วนใดส่วนหนึ่งจนเกิดการบาดเจ็บ ทั้งยังช่วยเสริมบุคลิกภาพให้คุณดูดีทุกย่างก้าวทั้งในและนอกบ้าน
เพื่อปรับสมดุลการเคลื่อนไหว การจดจำจุดสำคัญของร่างกายจะช่วยเราเลือกท่าบริหารที่เหมาะสมสำหรับลดทอนจุดอ่อนที่มี ซึ่งถ้ามี Mobility มากเกินไปจะส่งผลให้คุณเคลื่อนไหวขาดกำลังคล้ายหนอนน้อยไร้กระดูก แต่หากหนักไปทาง Stability จนเกินพอดีจะทำให้การเคลื่อนไหวเชื่องช้าไม่คล่องแคล่ว
รวมท่า Functional Training เสริมความคล่อง แก้ปวดตัว
มาถึงท่าบริหารยอดนิยมซึ่งช่วยเสริมความคล่องแคล่วและแก้ปวดตามข้อกันทั้งนี้ Homefittools ได้เลือกสรรท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักที่ทำตามได้ง่ายจากที่บ้าน
ประเดิมท่าแรกด้วย Bird Dog ซึ่งครบสูตรสำหรับปรับ Mobility และ Stability ทั้งตามแกนกลางและข้อต่อควบคู่กันได้เหมาะเจาะ พร้อมบรรเทาอาการปวดหลังได้อย่างดีทีเดียว เพียงคุณมีเสื่อโยคะ หรือแผ่นยางปูพื้นไว้รองรับแรงกระแทกระหว่างทรงท่าก็หมดห่วง เมื่อพร้อมแล้วให้ตั้งท่าเตรียมโดยใช้มือและเข่าชันตัวขึ้น จากนั้นให้แขม่วท้อง ยืดแขนซ้ายและขาขวาออกสลับกันตามภาพ ทำเช่นนี้ 2 – 3 รอบ รอบละ 10 ครั้งเป็นอย่างน้อย
Hip CARs (Controlled Articular Rotations) เป็นรูปแบบท่าที่ไม่คุ้นหูคนทั่วไปเท่าไหร่ แต่ช่วยคุณขยับเอวหรือขณะก้าวเดินได้คล่องตัวขึ้น เพียงตั้งท่าเตรียมเดียวกับท่าแรก เกร็งแกนกลางลำตัว อ้าขาขวาขณะทำท่าและยกขาไปด้านหลังอย่างช้า ๆ เพื่อบริหารข้อต่อสะโพกและขาหนีบ ก่อนหุบขาขวาเข้าเพื่อกลับสู่ท่าเตรียม ทำเช่นนี้สลับกันไม่จำกัดเซ็ตตามสภาพร่างกายของบุคคลที่ต้านทานได้
แม้สควอทจัดเป็นท่าพื้นฐานที่ไม่มีอะไรแปลก แต่ช่วยคุณให้มีรูปเอวทรงโค้งคล้ายนาฬิกาทรายและแก้เข่าบิดเข้าด้านในได้ไม่ยากเลย เริ่มจากกางขาสองข้างให้ห่างเท่าช่วงไหล่ หลังตรงพร้อมเกร็งหน้าท้องและย่อเข่าลงไปจนหัวเข่าทำมุม 90 องศา โดยทุกการย่อต้องไม่ให้หัวเข่าเลยปลายเท้า
สำหรับใครยังทรงตัวไม่ดีและกลัวล้มกระแทก การกางแขนไปข้างหน้าหรือทำท่าขณะจับเก้าอี้ไปด้วยจะช่วยคุณทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้จะใช้อุปกรณ์อื่นอย่างยางยืด ช่วยกะระยะห่างระหว่างขาไว้ดัดทรงเข่าก็สามารถทำได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : เล่นท่า Squat อย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง
อย่างที่เราเคยพูดใน Crossfit บ้างแล้วว่ากีฬาเชือกเป็นหนึ่งในเทรนด์ออกกำลังกายที่รีดเร้นเค้นพลังกายที่มาแรงตลอดปี และยังใช้ได้ผลจนทุกวันนี้ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งตามข้อต่อส่วน Mobility ได้แก่ ข้อมือ หัวไหล่ และอก และส่วน Stability อย่างแกนกลางลำตัวได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เราจะพูดถึง Battle Rope แบบเจาะลึกยิ่งขึ้นในบทความถัดไป อย่าลืมเตรียมเชือก ให้พร้อมล่ะ!
หากใครต้องการปรับระดับความท้าทายขณะทำท่า Body Weight แบบเดิมอยู่ Band External Rotation ซึ่งใช้สายสะริงหรือยางรัดแบบพิลาทิส เป็นแรงต้าน ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคนอยากได้ข้อต่อที่แข็งแรงมากกว่าเดิม โดยเฉพาะนักกีฬาสายศิลปะการต่อสู้ที่ต้องการเสริมแรงเวลาฟาดขาได้อย่างมั่นใจไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Functional Training ยังยังนำไปต่อยอดกับอุปกรณ์ Free Weight ได้สบาย ทว่าการจะทำเช่นนั้นได้ จะต้องฝึกฝนจนใช้ท่าชำนาญพอเสียก่อน ฉะนั้นหากใครใช้ท่าออกกำลังกายดังกล่าวควรเริ่มจากการทำ Body Weight ก่อนไล่ระดับความหนักด้วยการใช้ ดัมเบล หรืออุปกรณ์อื่นร่วมด้วย
กำลังมองหาอุปกรณ์สำหรับ Functional Training? คลิกที่นี่ เพื่อดูสินค้าหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อการฝึกฝนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Battle Ropes, Slam Balls หรือ Resistance Bands เรามีทุกอย่างที่คุณต้องการเพื่อพัฒนาความแข็งแรง ความอดทน และความยืดหยุ่นของร่างกาย เลือกชมและสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะกับเป้าหมายการออกกำลังกายของคุณได้เลย