Calisthenics เป็นอีกหนึ่งชื่อสุดแปลกที่ใช้เรียกประเภทการเวิร์คเอ้าท์แบบหนึ่ง ซึ่งคนจำนวนมากต่างไม่ค่อยรู้จัก ทว่าชื่อเรียกและรูปแบบการออกกำลังกายของมันได้ถือกำเนิดขึ้นมายาวนานกว่า 2,000 ปีทีเดียว ซึ่งหากค้นถึงรากศัพท์กรีกจะพบว่าคำดังกล่าวล้วนเกิดจากการนำคำว่า “สวยงาม” และ “แข็งแรง” มารวมกัน แน่นอนว่าเมื่อมันเกิดขึ้นมานาน ท่าพื้นฐานพอจะให้ทุกคนทำเองได้จนเป็นที่นิยมในทุกวันนี้ แต่บางคนก็ยังนึกภาพไม่ออกว่า Calisthenics Exercise นั้นคืออะไร ใช่สิ่งเดียวกับที่เราเรียกติดปากว่า Body Weight หรือเปล่า
Homefittools จึงกลับมาไขข้อข้องใจเช่นเคย พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียและท่าสำหรับใช้กับอุปกรณ์บอดี้เวทกันแบบจุใจจากที่ไหนก็ได้กัน และถ้าคุณอยากลองฝึก Calisthenics แบบจริงจัง หรืออยากให้โค้ชช่วยแนะนำฟอร์ม ฝึกกับบาร์ดึงข้อ ราวคู่ หรือใช้น้ำหนักตัวอย่างถูกวิธี ลองมาทดลองเล่นฟรี 3 วันที่ Real Gym ได้เลยครับ มีทั้งอุปกรณ์บอดี้เวทครบ และทีมโค้ชที่เข้าใจการฝึกแนวนี้เป็นอย่างดี กดลงทะเบียนและดูสาขาใกล้บ้านคุณได้ที่นี่
เครดิตภาพ: www.freepik.com
Calisthenics exercise คือการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่ใช้น้ำหนักตัวเองร่วมกับแรงโน้มถ่วงโลกเป็นแรงต้าน โดยเน้นบริหารกล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็นหลัก ไม่ว่าคุณจะก้มกระโดดดึงผลักหรืองอตัวก็ล้วนเข้าข่ายคาลิสเทนิคทั้งสิ้น แน่นอนว่ากีฬายิมนาสติกก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น อย่างไรก็ตาม คุณจะใช้มือเปล่าหรืออุปกรณ์บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่นและแข็งแกร่งได้ตรงจุดยิ่งขึ้นก็ย่อมทำได้ อย่างไรก็ตาม หลายคนมักเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวแบบคาลิสเทนิคคืออีกชื่อหนึ่งของ Bodyweight Exercise ซึ่งจะเข้าใจเช่นนั้นก็ไม่ผิดนัก ทว่าคุณต้องไม่ลืมว่าไม่ใช่ท่าทั้งหมดของ Bodyweight จะจัดเป็น Calisthenics เสมอไป เช่น โยคะ พิลาทิส เป็นต้น
เครดิตภาพ: www.freepik.com
ประเดิมด้วย Dip ซึ่งจัดเป็นท่า Compound Exercise ที่เพิ่มกล้ามเนื้อแขน ไหล่และลำตัวเป็นท่าแรก เริ่มต้นทำง่าย ๆ เพียงคุณยืนตรงกึ่งกลางระหว่าง Dip Bar ทั้งสองข้าง จับราวทั้งซ้ายขวาพร้อมใช้แรงแขนและไหล่ยกตัวขึ้นจากพื้นในท่างอเข่า ขณะเดียวกันให้งอศอกไปด้านหลังให้กล้ามเนื้อส่วน Triceps (แขนส่วนหลัง) จนได้รูปแขนเป็นมุมฉาก 90 องศา เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นใช้แขนยกทั้งลำตัวขึ้นลงสุด
กรณีที่ไม่มีบาร์โหน คุณสามารถใช้ลูกบอล Bosu Ball หรือม้านั่งออกกำลังกาย โดยวางเท้าไว้บนพื้นงอเข้าพร้อมกับใช้แขนทั้งสองทาบบนวัตถุที่ใช้ค้ำยันร่างกาย และทำท่าบริหารในลักษณะเดียวกันกับแบบที่ใช้กับดิฟบาร์
เครดิตภาพ: www.freepik.com
Pull-ups x Chin-ups เป็นท่าต่อมาที่สายฟิตเนสนิยมใช้เล่นเพื่อให้ได้แผ่นหลังเว้าทรง V-Shape นั่นเอง ซึ่งจะทำที่ไหนก็ได้ตามสะดวก อย่างไรก็ตาม หากบ้านหรือที่พักของใครไม่มีคานไว้จับเป็นกิจจะลักษณะ แนะนำให้ลองหาซื้อบาร์โหน ห่วงยิมนาสติก (Gymnastics Rings) หรือโฮมยิม ไว้ใช้งานแบบครบสูตรดู เมื่ออุปกรณ์ครบแล้วให้เริ่มไปทีละท่ากัน
เครดิตภาพ: www.freepik.com
ท่าธงมนุษย์หรืออีกชื่อที่คนจากทั่วทั้งโลกในวงการต่างเรียกว่า Human Flag จัดเป็นท่าปราบเซียนที่หากใครจะทำได้จะต้องมีกล้ามเนื้อข้างลำตัวที่แข็งแรงพอจะยืดเหยียดตึงกลางอากาศ ท่านี้จึงไม่เหมาะกับ Beginner และคนน้ำหนักตัวเยอะเท่าไหร่นัก แต่หากลองทำก็สามารถแยกย่อยค่อยทำทีละส่วนในพื้นที่มีแผ่นยางกันกระแทก และคนคอยเซฟจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
เครดิตภาพ: www.freepik.com
หากพูดถึงอีกหนึ่งท่าเบสิคที่ใช้ประกอบกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย Crunches มักเป็นท่าที่ติด Top 5 เสมอ ซึ่งหากบริหารเป็นประจำจะได้ pack หน้าท้องส่วนบนและช่วงอก ทั้งพื้นและม้านั่งออกกำลังกาย ต่างใช้ท่วงท่าเดียวกัน เพียงเริ่มต้นนอนหงายโดยให้เท้าราบกับพื้น งอเข่าทำมุม 90 องศา (กรณีเบาะให้ล็อคปลายเท้าเข้ากับส่วนหัวเบาะ) ไขว้มือไว้เหนือหน้าอก เกร็งกล้ามเนื้อแกนกลางก่อนยกลำตัวช่วงบนเข้าหาหัวเข่า แล้วกลับสู่ท่านอนท่าเดิม ทั้งนี้ผู้เล่นต้องระวังห้ามใช้หลังหรือท้ายทอยช่วยดันตัวขึ้น
เครดิตภาพ: www.freepik.com
ปิดท้ายด้วย L-Sit ท่วงท่าพื้นฐานสำหรับนักเพาะกายที่ใช้กล้ามเนื้อส่วนบนหลายมัด เช่น ไหล่ แกนกลางส่วนบนล่าง ขา เป็นต้น ซึ่งหากใครจะทำควรฝึกร่างกายให้แข็งแรงและคล่องตัวพอดู จะใช้กับห่วงยิมนาสติก บาร์โหนหรือโฮมยิมก็สะดวก อย่างไรก็ตาม ระหว่างทำท่าควรยืดแขนออกให้สุดเพื่อให้คุณทรงตัวกลางอากาศได้
นอกเหนือจากนี้ผู้เล่นยังสามารถเรียนรู้ท่าเบสิคอื่น ๆ จากท่า CrossFit อื่นอีกสำหรับเพิ่มความหลากหลายและท้าทายยิ่งขึ้น ร่วมกับข้อควรระวังเพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ
ทดลองเล่นฟิตเนสฟรี 3 วัน ที่ Real Gym : มี 5 สาขาใกล้บ้านคุณ ครบทุกเครื่อง – คลาส – เทรนเนอร์ เล่นฟรีทุกคลาส
กดลงทะเบียนและดูสาขาใกล้บ้านคุณได้ที่นี่
จากประสบการณ์ที่ผมเป็นเทรนเนอร์มากว่า 20 ปี เห็นนักเล่นมือใหม่หลายคนพลาดโอกาสดีๆ ในการพัฒนาร่างกายเพราะเริ่มต้นผิดวิธี วันนี้ผมจะแชร์วิธีเริ่มต้นที่ถูกต้องสำหรับคนที่อยากลองเล่นคาลิสเทนิค
เคล็ดลับคือ ต้องเริ่มจากการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core) ก่อน ผมแนะนำให้เริ่มจากท่าพื้นฐานอย่าง Plank และ Hollow Hold โดยทำวันละ 3 เซต เซตละ 30 วินาที ทำต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น ค่อยเพิ่มเป็น Push-ups และ Australian Pull-ups
พบว่าการฝึกความอดทนของกล้ามเนื้อด้วยท่า Wall Handstand เป็นเวลา 1 นาทีต่อวัน ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนไหล่และกล้ามเนื้อแขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญคือ อย่าลืมยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังการฝึกทุกครั้ง
ถึงคาลิสเทนิคจะเน้นใช้น้ำหนักตัว แต่การมีอุปกรณ์พื้นฐานบางอย่างจะช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการทำงานกับนักกีฬามืออาชีพ ผมพบว่าอุปกรณ์ต่อไปนี้จำเป็นมากสำหรับการฝึกที่บ้าน
จากการทดลองกับนักกีฬาหลายร้อยคน ผมได้พัฒนาแผนการฝึก 30 วันที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น แบ่งเป็น 3 ช่วง
|
วัน |
ท่าที่ 1 |
ท่าที่ 2 |
ท่าที่ 3 |
|
จันทร์ |
Push-ups3 x 10 ครั้ง |
Squats3 x 15 ครั้ง |
Plank3 x 30 วินาที |
|
อังคาร |
Australian Pull-ups3 x 8 ครั้ง |
Lunges3 x 10 ครั้ง |
Hollow Hold3 x 20 วินาที |
|
พุธ |
Dips3 x 5 ครั้ง |
Mountain Climbers3 x 20 ครั้ง |
Wall Handstand3 x 30 วินาที |
|
พฤหัสบดี |
Push-ups3 x 10 ครั้ง |
Squats3 x 15 ครั้ง |
Plank3 x 30 วินาที |
|
ศุกร์ |
Australian Pull-ups3 x 8 ครั้ง |
Lunges3 x 10 ครั้ง |
Hollow Hold3 x 20 วินาที |
|
เสาร์ |
Dips3 x 5 ครั้ง |
Mountain Climbers3 x 20 ครั้ง |
Wall Handstand3 x 30 วินาที |
|
อาทิตย์ |
พักผ่อน |
พักผ่อน |
พักผ่อน |
|
วัน |
ท่าที่ 1 |
ท่าที่ 2 |
ท่าที่ 3 |
ท่าที่ 4 |
|
จันทร์ |
Push-ups4 x 10 ครั้ง |
Squats4 x 15 ครั้ง |
Plank4 x 45 วินาที |
Pike Push-ups3 x 8 ครั้ง |
|
อังคาร |
Australian Pull-ups4 x 8 ครั้ง |
Lunges4 x 10 ครั้ง |
Hollow Hold4 x 45 วินาที |
Negative Pull-ups3 x 5 ครั้ง |
|
พุธ |
Dips4 x 5 ครั้ง |
Mountain Climbers4 x 20 ครั้ง |
Wall Handstand4 x 45 วินาที |
Pike Push-ups3 x 8 ครั้ง |
|
พฤหัสบดี |
Push-ups4 x 10 ครั้ง |
Squats4 x 15 ครั้ง |
Plank4 x 45 วินาที |
Pike Push-ups3 x 8 ครั้ง |
|
ศุกร์ |
Australian Pull-ups4 x 8 ครั้ง |
Lunges4 x 10 ครั้ง |
Hollow Hold4 x 45 วินาที |
Negative Pull-ups3 x 5 ครั้ง |
|
เสาร์ |
Dips4 x 5 ครั้ง |
Mountain Climbers4 x 20 ครั้ง |
Wall Handstand4 x 45 วินาที |
Pike Push-ups3 x 8 ครั้ง |
|
อาทิตย์ |
พักผ่อน |
พักผ่อน |
พักผ่อน |
ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ ผมเคยเห็นนักกีฬาหลายคนบาดเจ็บเพราะขาดความระมัดระวัง นี่คือเทคนิคที่ผมใช้สอนนักกีฬาทุกคน
1.คาลิสเทนิคเหมาะกับผู้หญิงหรือไม่?
เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแบบสมส่วน ไม่บึกบึนเกินไป
2.ควรเล่นคาลิสเทนิควันละกี่ชั่วโมง?
สำหรับมือใหม่ แนะนำ 45-60 นาทีต่อวัน 3-4 วันต่อสัปดาห์
3. อายุเท่าไหร่ถึงจะเริ่มเล่นคาลิสเทนิคได้?
เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป แต่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล
4.คนน้ำหนักเยอะสามารถเล่นคาลิสเทนิคได้ไหม?
ได้ แต่ควรเริ่มจากท่าพื้นฐานและใช้ Resistance Bands ช่วย
5.ต้องกินอาหารเสริมไหมถ้าเล่นคาลิสเทนิค?
ไม่จำเป็น แต่ควรทานอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอ 1.6-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
6.ทำคาลิสเทนิคแล้วจะลดไขมันได้ไหม?
ได้ เพราะเป็นการออกกำลังแบบ Full Body ที่เผาผลาญแคลอรีสูง
7.ควรเล่นคาลิสเทนิคตอนไหนดีที่สุด?
เช้าหรือเย็นก็ได้ แต่ควรห่างจากมื้ออาหาร 2-3 ชั่วโมง
8.มีอาการปวดหลังควรเล่นคาลิสเทนิคไหม?
ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และเริ่มจากการบริหารกล้ามเนื้อ Core เบาๆ
9.ทำคาลิสเทนิคทุกวันได้ไหม?
ไม่แนะนำ ควรพัก 1-2 วันต่อสัปดาห์ให้กล้ามเนื้อฟื้นตัว
10.ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผล?
โดยทั่วไป 4-6 สัปดาห์จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง
แม้คาลิสเทนิค จะเป็นรูปแบบการออกกำลังกายพื้นฐานที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ทว่าก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเหมือนกันสำหรับบางคนที่มีปัญหาบริเวณช่วงข้อต่อและโรคประจำตัวอื่นที่ไม่สามารถใช้แรงได้เป็นเวลานาน เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น ดังนั้นสำหรับใครที่อยากเริ่มฝึกคาลิสเทนิคแต่ไม่มั่นใจเรื่องสุขภาพ หรือกังวลว่าท่าที่ฝึกจะกระทบข้อต่อ ลองมาทดลองเล่นฟรี 3 วันที่ Real Gym ได้เลยครับ เรามีโค้ชดูแลอย่างใกล้ชิด ปรับโปรแกรมให้เหมาะกับสภาพร่างกายของแต่ละคน พร้อมอุปกรณ์เสริมที่ช่วยลดแรงกระแทกได้อย่างปลอดภัย กดลงทะเบียนและดูสาขาใกล้บ้านคุณได้ที่นี่
https://umovesg.com/blogs/calisthenics-articles/is-calisthenics-the-same-as-bodyweight-exercises