ติดต่อเจ้าหน้าที่
×
เครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ออกกําลังกาย อุปกรณ์ฟิตเนส
view-th view-en
ตะกร้า 0 ตะกร้าสินค้า

เครื่องเดินวงรี VS จักรยานออกกำลังกาย (Stationary Bike)

เครื่องเดินวงรี VS จักรยานออกกำลังกาย (Stationary Bike)

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังชั่งใจระหว่าง “เครื่องเดินวงรี” และ “จักรยานอยู่กับที่” ว่าเครื่องไหนช่วยลดไขมัน เผาผลาญแคลอรี่ และดูแลข้อต่อได้ดีที่สุด...
โค้ชปูแน่นขอบอกเลยครับว่า คำตอบไม่ได้ง่ายแบบขาว-ดำ แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสภาพร่างกายของคุณ

ดังนั้น ในฐานะโค้ชที่ติดตั้งเครื่องจริงให้ฟิตเนสมาหลายแห่ง และเทรนลูกศิษย์หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย
โค้ชขออธิบายเปรียบเทียบแบบละเอียดที่สุดให้คุณเข้าใจ

เปรียบเทียบการเผาผลาญพลังงาน

งานวิจัยโดย American Council on Exercise (ACE, 2020)
ศึกษาการเผาผลาญแคลอรี่ของผู้ใช้งานจริง (กลุ่มอาสาสมัคร 30 คน ชาย-หญิง) ในระยะเวลา 30 นาที พบว่า

ประเภทเครื่อง

แคลอรี่ที่เผาผลาญ (30 นาที)

เครื่องเดินวงรี

280-340 kcal

จักรยานอยู่กับที่

220-280 kcal

ข้อสรุป เครื่องเดินวงรี เผาผลาญพลังงานมากกว่าจักรยานอยู่กับที่เฉลี่ย 15-25% ในช่วงเวลาเดียวกัน

สาเหตุหลัก เครื่องเดินวงรีใช้กล้ามเนื้อช่วงบน + ช่วงล่าง ร่วมกับกล้ามเนื้อแกนกลาง ทำให้ใช้พลังงานมากกว่า

ความแตกต่างเชิงสรีรวิทยาและกลไกการเคลื่อนไหว

ปัจจัย

เครื่องเดินวงรี

จักรยานอยู่กับที่

ลักษณะการเคลื่อนไหว

ยืน เหยียบ วงรี

นั่ง ปั่นวงกลม

กล้ามเนื้อที่ทำงาน

ขา ก้น แขน หลัง ไหล่ Core

ขา ก้น เท่านั้น

แรงกระแทกข้อต่อ

ต่ำมาก (แต่มีบ้าง)

ต่ำที่สุด (Zero Impact)

การกระตุ้นหัวใจ

สูงกว่า (เพราะทั้งตัว)

ต่ำกว่า (ใช้แค่ขา)

ท่าใช้งาน

ยืนตรง ใช้ทั้งตัว

นั่งตลอดเวลา

สรุปง่าย ๆ

  • เครื่องเดินวงรีทำงานทั้งตัว + เผาผลาญมากกว่า

  • จักรยานปั่นนั่งเฉย ๆ ใช้เฉพาะขาและก้น

เหมาะกับใคร?

กลุ่มผู้ใช้งาน

เครื่องเดินวงรี

จักรยานอยู่กับที่

ผู้สูงอายุ

ดีมาก แต่ต้องระวังการก้าวขึ้นเครื่อง

เหมาะกว่า (ปลอดภัยสุด)

คนอ้วนมาก (>100 กก.)

เหมาะ เพราะแรงกระแทกต่ำ แต่ต้องเลือกเครื่องเกรดดี

เหมาะมาก เพราะไม่มีแรงกระแทกและนั่งสบาย

คนเจ็บข้อเข่า/ข้อเท้า

ดีมากเพราะแรงกดคงที่

ดีมาก (ดีที่สุดสำหรับข้อเข่า)

นักกีฬา

เหมาะเป็น Recovery Cardio

เหมาะเป็น Recovery แต่เน้นออกกำลังขา

งานวิจัยสนับสนุน

Journal of Rehabilitation Medicine (2021)
ระบุว่าในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ฟื้นฟูหลังผ่าตัดข้อ การใช้จักรยานอยู่กับที่ช่วยลดอาการปวดข้อและเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อสะโพกและข้อเข่าได้ดี แต่ในระยะยาว การออกกำลังกายรูปแบบ Weight Bearing (เช่น เครื่องเดินวงรี) จะช่วยฟื้นฟูมวลกระดูกและความแข็งแรงของเส้นเอ็นได้ดีกว่า

ข้อดี-ข้อเสียเชิงลึก (จากประสบการณ์โค้ช)

เครื่องเดินวงรี

ข้อดี

  • เผาผลาญแคลอรีสูงกว่า

  • ใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว

  • ได้ฝึกบาลานซ์ การทรงตัวไปพร้อมกัน

  • เหมาะกับสายลดไขมันจริงจัง

  • ใช้ในวัน Recovery ของนักกีฬาได้ดี

ข้อเสีย

  • เครื่องใหญ่ กินพื้นที่มาก

  • ราคาเครื่องคุณภาพสูงค่อนข้างแพง

  • ผู้สูงอายุบางคนก้าวขึ้นเครื่องลำบาก

จักรยานอยู่กับที่

ข้อดี

  • เผาผลาญแคลอรีพอสมควร

  • นั่งเล่นง่าย ไม่ต้องใช้บาลานซ์ร่างกาย

  • ไม่มีแรงกระแทกแม้แต่น้อย

  • เหมาะกับผู้สูงอายุและผู้เจ็บข้อหนัก

ข้อเสีย

  • ใช้กล้ามเนื้อเฉพาะขาและก้น

  • ใช้พลังงานน้อยกว่า

  • ไม่เหมาะกับสายลดไขมันจริงจังในระยะยาว

สรุปโดยโค้ชปูแน่น (ชัดเจน)

เป้าหมายของคุณ

เครื่องที่เหมาะสมที่สุด

ลดไขมันทั่วร่างกาย

เครื่องเดินวงรี

คุมอาการข้อเสื่อมหนักมาก

จักรยานอยู่กับที่

ฟื้นฟูหลังผ่าตัด

จักรยานอยู่กับที่

ทำคาร์ดิโอทั้งตัว

เครื่องเดินวงรี

เน้นใช้งานง่าย ไม่ใช้แรงมาก

จักรยานอยู่กับที่

โค้ชฟันธง

“ถ้าเป้าหมายคุณคือการเผาผลาญไขมันทั้งตัว เครื่องเดินวงรีคืออาวุธหลัก
ถ้าเป้าหมายคือฟื้นฟูข้อหรือความสบายขณะออกกำลังกาย จักรยานอยู่กับที่คือเครื่องที่ตอบโจทย์”

คำแนะนำจากโค้ชปูแน่น

  • ลูกเทรนโค้ชทุกคนที่ต้องการ “ลดไขมันจริงจัง” โค้ชแนะนำเครื่องเดินวงรีเสมอ

  • กลุ่มผู้สูงอายุ ลูกค้าฟื้นฟูหลังผ่าตัด หรือผู้ที่น้ำหนักตัวมากเกิน 120 กก. ให้เลือกจักรยานนั่งปั่นเป็นหลักก่อน

“เครื่องเดินวงรีจะทำให้คุณเหนื่อยทั้งตัว แต่ก็จะเผาผลาญไขมันทั้งตัว
จักรยานจะทำให้คุณสบายตัว แต่ก็จะเผาผลาญได้แค่ขาเท่านั้น”
— โค้ชปูแน่น

 

เลือกดูเครื่องเดินวงรี Homefitools, Johnson และ แบรนด์อื่นๆได้ที่นี่

 

ตารางสรุปเปรียบเทียบ (เผาผลาญ, แรงกระแทก, ครอบคลุมกล้ามเนื้อ)

การตัดสินใจเลือกเครื่องคาร์ดิโอให้เหมาะกับเป้าหมายแต่ละคน ไม่ควรดูแค่เครื่องไหนเผาผลาญแคลอรีได้มากที่สุด แต่ควรดูองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย ได้แก่

  • กลุ่มกล้ามเนื้อที่ทำงานจริง

  • ความเสี่ยงต่อข้อต่อและกระดูก

  • ระยะเวลาการออกกำลังกายที่ทำได้ต่อเนื่อง

  • ความเหมาะสมกับสภาพร่างกายแต่ละบุคคล

โค้ชปูแน่นจึงสรุปให้ดังนี้ครับ

ปัจจัย

เครื่องเดินวงรี

ลู่วิ่งไฟฟ้า

จักรยานปั่นอยู่กับที่

เผาผลาญพลังงานต่อชั่วโมง

500-800 kcal

600-900 kcal

400-700 kcal

แรงกระแทกข้อต่อ

ต่ำมาก

สูง

ต่ำที่สุด

ใช้กล้ามเนื้อช่วงล่าง

✅ ใช้จริงเต็มที่

✅ ใช้จริงเต็มที่

✅ ใช้จริงเต็มที่

ใช้กล้ามเนื้อช่วงบน

✅ ใช้ (แขน, ไหล่, หลัง)

❌ ไม่ใช้

❌ ไม่ใช้

ใช้กล้ามเนื้อแกนกลาง

✅ ใช้ตลอดเวลา

✅ ใช้บางส่วน

✅ ใช้บ้าง

ใช้งานได้ต่อเนื่อง

นานที่สุด

ปานกลาง

นาน

เสี่ยงเจ็บข้อเข่า

ต่ำมาก

สูง

ต่ำที่สุด

ใช้ฟื้นฟูสมรรถภาพ

ดีมาก

ไม่เหมาะ

ดีมาก

พัฒนา Bone Density

ไม่ได้

✅ ได้จริง

ได้น้อยมาก

พัฒนา Sprint/Speed

ไม่ได้

✅ ได้จริง

ไม่ได้

ข้อสรุปจากงานวิจัยสนับสนุน

1.Journal of Sports Science (2020)
เครื่องเดินวงรีสามารถเผาผลาญพลังงานได้ใกล้เคียงการวิ่งบนลู่วิ่ง (95-98%) โดยมีแรงกระแทกข้อต่อต่ำกว่า 60-70%

2.Journal of Biomechanics (2018)
แรงกระแทกขณะวิ่งสูงกว่าการใช้เครื่องเดินวงรี 3-4 เท่า ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปมีแนวโน้มเลิกออกกำลังกายจากการเจ็บเข่ามากกว่าผลจากอัตราการเผาผลาญเพียงอย่างเดียว

3.Rehabilitation Institute of Chicago (2021)
เครื่องเดินวงรีและจักรยานอยู่กับที่เหมาะกับผู้มีปัญหาข้อต่อ โดยเครื่องเดินวงรีให้ผลฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ทั้งตัว ขณะที่จักรยานให้ผลเฉพาะกล้ามเนื้อขาเท่านั้น

โค้ชปูแน่นสรุปแบบง่ายที่สุด (เหมาะกับใคร?)

  • เครื่องเดินวงรี
    เหมาะกับสายลดไขมันจริงจัง, คนเจ็บข้อ, ผู้สูงอายุที่ยังเคลื่อนไหวได้เอง
    ต้องการคาร์ดิโอทั้งตัวในเครื่องเดียว

  • ลู่วิ่งไฟฟ้า
    เหมาะกับนักวิ่ง, นักกีฬาที่ต้องฝึกสปีดหรือพัฒนาทักษะการวิ่ง
    เหมาะกับคนสุขภาพดี ระบบข้อแข็งแรง

  • จักรยานปั่น
    เหมาะกับผู้สูงอายุ, คนเจ็บข้อหนัก, หรือคนที่อยากออกกำลังเบา ๆ แบบไม่กดดันร่างกาย

“เลือกเครื่องผิด ชีวิตเปลี่ยน ซื้อเครื่องถูกกับเป้าหมาย คุณจะเลิกใช้มัน แต่ถ้าคุณเลือกเครื่องเหมาะกับตัวเอง คุณจะอยากออกกำลังทุกวันแบบไม่รู้ตัว”
— โค้ชปูแน่น

 

เผาผลาญแคลอรีด้วยเครื่องเดินวงรี ปรับความเข้มข้น + ระยะเวลาอย่างไร (เทคนิคโค้ชปูแน่น)

เครื่องเดินวงรีไม่ได้เผาผลาญแคลอรีดีเพราะขาเหยียบไปเฉย ๆ ครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่า...

  • คุณตั้ง “แรงต้าน” ถูกต้องไหม?

  • คุณกำหนด “รอบขา (RPM)” เหมาะสมหรือไม่?

  • คุณ “ใช้แขน” ในการออกแรงจริงหรือเปล่า?

  • คุณอยู่ใน Heart Rate Zone ที่เหมาะกับการเผาผลาญไขมันหรือไม่?

หากคุณทำถูก ระบบการเผาผลาญในเครื่องเดินวงรีจะใกล้เคียงหรือเหนือกว่าการวิ่งจริงในหลายกรณี

หลักสำคัญ ความเข้มข้น + ระยะเวลาตามโซนหัวใจ

จากงานวิจัยโดย ACSM (American College of Sports Medicine, 2022)

Heart Rate Zone

% ของ Maximum Heart Rate

ประโยชน์หลัก

Zone 2

60-70%

เผาผลาญไขมันสูงสุด, ทำได้นาน

Zone 3

70-80%

เผาผลาญไขมัน + คาร์โบไฮเดรต

Zone 4

80-90%

พัฒนาความทนทานระบบหัวใจ

โค้ชแนะนำ
สำหรับสายลดไขมัน ให้เล่นใน Zone 2-3 ต่อเนื่อง 30-60 นาที ด้วยความเข้มข้นระดับกลาง แต่ต่อเนื่องยาว เพื่อดึงไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก

วิธีตั้งเครื่องให้เผาผลาญสูงสุด (จากประสบการณ์โค้ชปูแน่น)

  • แรงต้าน (Resistance)
    ตั้งไว้ที่ 30-50% ของระดับสูงสุด (เช่น ถ้าเครื่องมี 20 ระดับ ให้ตั้งที่ระดับ 6-10)

  • รอบขา (RPM)
    รักษารอบขาที่ 60-80 รอบ/นาที (ต่ำกว่า 50 ถือว่าเบาเกินไป)

  • ใช้แขนดึงและผลักจริงในทุกจังหวะ เพื่อให้กล้ามเนื้อช่วงบนช่วยใช้พลังงานร่วมกับขา

  • เฝ้าดู Heart Rate บนคอนโซลเครื่องให้ให้อยู่ใน Zone 2-3 ตลอดเวลา

  • เล่นต่อเนื่องอย่างน้อย 30-60 นาที/ครั้ง ทำสัปดาห์ละ 3-5 วัน

การคำนวณการเผาผลาญแคลอรี (ตาม METs)

  • การออกกำลังด้วยเครื่องเดินวงรีในระดับปานกลาง (Moderate Intensity) = 5-7 METs

  • ในระดับสูง (Vigorous Intensity) = 8-9 METs

ตัวอย่างคำนวณ
(น้ำหนักตัว (กก.) × MET × 3.5) ÷ 200 × เวลา (นาที) = พลังงานที่เผาผลาญ (kcal)

ตัวอย่างจริง

  • น้ำหนักตัว 70 กก.

  • ใช้เครื่องเดินวงรีระดับปานกลาง (6 METs)

  • เล่น 45 นาที

คำนวณ = (70 × 6 × 3.5) ÷ 200 × 45 = ประมาณ 330 แคลอรี่ต่อ 45 นาที

งานวิจัยสนับสนุน

University of Wisconsin-Madison (Porcari et al., 2010)
ผู้ใช้งานที่ออกกำลังในระดับ Moderate Intensity ด้วยเครื่องเดินวงรี สามารถเผาผลาญไขมันได้มากถึง 67% ของแคลอรีที่ใช้ไปทั้งหมดในช่วง 30 นาทีแรก ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเครื่องคาร์ดิโอประเภท Low Impact ทั้งหมด

เทคนิคพิเศษจากโค้ชปูแน่น (เพิ่มการเผาผลาญ 10-20%)

  • สลับการฝึกเป็น HIIT แบบ Low Impact
    ทำ 1 นาทีแรงต้านสูง + 2 นาทีแรงต้านต่ำ สลับกัน 10-20 รอบ

  • ทำ Reverse Pedaling (ถอยหลัง) สลับกับปั่นปกติทุก 5 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังต้นขา (Hamstrings) ทำงานมากขึ้น

  • ใช้มือจับทั้ง 2 ข้าง และออกแรงดึง/ผลักจริง เพื่อให้กล้ามเนื้อช่วงบนทำงานตลอด

  • เล่นอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง ถ้าเป้าหมายคือการลดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปจากโค้ชปูแน่น (สำคัญมาก)

  • เครื่องเดินวงรีจะเผาผลาญแคลอรีได้สูงสุด เมื่อ

    • ปรับแรงต้านเหมาะสม

    • รักษารอบขาในช่วง 60-80 RPM

    • ใช้แขนออกแรงจริงในทุกจังหวะ

    • อยู่ใน Heart Rate Zone 2-3 ต่อเนื่องนานที่สุด

  • สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 30-60 นาที คือโซนปลอดภัยและได้ผลที่สุดสำหรับการลดไขมัน

“เครื่องเดินวงรีเป็นเหมือนเครื่องเผาผลาญไขมันแบบไร้แรงกระแทก แต่คุณต้องรู้จักใช้มันให้ถูกตั้งแต่การปรับแรงต้านไปจนถึงจังหวะการเหยียบ ถ้าเล่นถูก มันจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในยิมของคุณ”
— โค้ชปูแน่น

 

วิธีคำนวณการเผาผลาญแคลอรีด้วย METs (พร้อมตารางตัวอย่าง)

ในการวางโปรแกรมคาร์ดิโอให้ลูกเทรน โค้ชปูแน่นใช้การคำนวณแคลอรีที่เผาผลาญต่อครั้ง โดยอิงจาก “METs” ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลของวงการฟิตเนสและการแพทย์

METs คืออะไร?

MET (Metabolic Equivalent of Task) คือ หน่วยวัดความเข้มข้นของการออกกำลังกาย

  • 1 MET = พลังงานที่ใช้ในขณะพัก (Resting Energy Expenditure)

กิจกรรมที่มี MET สูง แสดงว่าใช้พลังงานมาก
เช่น วิ่งเร็ว MET 10-12 แต่การเดินสบาย ๆ MET แค่ 2.5

ตารางค่า METs ของเครื่องเดินวงรี (อ้างอิงจาก Compendium of Physical Activities, 2011)

ความเข้มข้นในการเล่น

ค่า METs โดยเฉลี่ย

ใช้งานเบา (เหยียบช้า-แรงต้านต่ำ)

4.5

ใช้งานระดับปานกลาง (แรงต้านปานกลาง)

6.0

ใช้งานระดับสูง (แรงต้านสูง + เหยียบเร็ว)

8.0

สูตรคำนวณแคลอรีที่เผาผลาญด้วย METs

แคลอรี่ที่ใช้=น้ำหนักตัว (กก.)×METs×3.5200×นาที\text{แคลอรี่ที่ใช้} = \frac{\text{น้ำหนักตัว (กก.)} \times \text{METs} \times 3.5}{200} \times \text{นาที}แคลอรี่ที่ใช้=200น้ำหนักตัว (กก.)×METs×3.5​×นาที

ตัวอย่างคำนวณจริง (จากลูกเทรนโค้ชปูแน่น)

ลูกเทรนน้ำหนัก 70 กิโลกรัม ใช้เครื่องเดินวงรีระดับปานกลาง (6 METs) นาน 45 นาที

(70×6×3.5)÷200×45=330.75 kcal(70 \times 6 \times 3.5) \div 200 \times 45 = 330.75 \text{ kcal}(70×6×3.5)÷200×45=330.75 kcal

สรุป ใช้เครื่องเดินวงรี 45 นาที เผาผลาญได้ประมาณ 330-335 kcal

ตารางแสดงตัวอย่างแคลอรีที่เผาผลาญ (ตามระดับน้ำหนักตัวและความเข้มข้น)

น้ำหนักตัว (กก.)

ใช้งานเบา (4.5 METs)

ปานกลาง (6 METs)

หนัก (8 METs)

50

197 kcal/45 นาที

263 kcal/45 นาที

351 kcal/45 นาที

60

236 kcal/45 นาที

315 kcal/45 นาที

421 kcal/45 นาที

70

276 kcal/45 นาที

330 kcal/45 นาที

468 kcal/45 นาที

80

315 kcal/45 นาที

420 kcal/45 นาที

561 kcal/45 นาที

90

355 kcal/45 นาที

472 kcal/45 นาที

632 kcal/45 นาที

100

394 kcal/45 นาที

525 kcal/45 นาที

702 kcal/45 นาที

เทคนิคจากโค้ชปูแน่น เพิ่ม METs = เพิ่มการเผาผลาญ

  • ปรับแรงต้านให้สูงขึ้น (แต่ไม่สูงเกินไปจนเหยียบไม่ได้)

  • ใช้แขนดึง-ดันจริงตลอดเวลา

  • รักษา RPM ที่ 60-80 รอบ/นาที

วิธีนี้จะเพิ่มค่า METs ให้สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ

สรุปจากโค้ชปูแน่น

  • ใช้ METs ช่วยวางแผนการออกกำลังแบบมืออาชีพ

  • ปรับเปลี่ยนแผนตามน้ำหนักตัวและเป้าหมายรายบุคคล

  • เครื่องเดินวงรีช่วยให้ควบคุม METs ได้ง่ายกว่าเครื่องวิ่งหรือจักรยาน เพราะปรับแรงต้านและรอบขาได้ตามต้องการ

“เครื่องเดินวงรีไม่ใช่แค่เหยียบไปเรื่อย ๆ แต่เป็นเครื่องคาร์ดิโอที่คุณควบคุมระบบเผาผลาญได้จริงผ่านแรงต้านและรอบขา ถ้าคุณรู้จักใช้ METs เป็น มันจะกลายเป็นอาวุธลับในการลดไขมัน”
— โค้ชปูแน่น

 

ประสิทธิภาพของเครื่องเดินวงรี เทียบเท่าการวิ่งจริงหรือไม่?

สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างเครื่องเดินวงรีกับการวิ่ง หลายคนมักสงสัยว่าเครื่องเดินวงรีสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีจริงหรือไม่ และจะเทียบเท่ากับการวิ่งจริงหรือเปล่า? ในฐานะเทรนเนอร์ที่ทำงานกับทั้งนักวิ่งและกลุ่มคนทั่วไป โค้ชปูแน่นขอตอบจากทั้งประสบการณ์ตรงและงานวิจัยระดับนานาชาติว่า เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องคาร์ดิโอที่ให้ประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานสูงมาก และในบางกรณียังสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกว่าการวิ่งได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่นักกีฬาสาย Performance

หลายคนอาจไม่รู้ว่าเครื่องเดินวงรีถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงกระแทกจากการวิ่ง แต่ยังให้ร่างกายออกแรงได้เต็มที่ในการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงกับการเดินหรือวิ่ง ด้วยระบบการเคลื่อนที่ที่เป็นเส้นทางวงรี (Ellipse) ส่งผลให้กล้ามเนื้อขาและช่วงล่างทำงานเหมือนการวิ่ง แต่ที่แตกต่างและเป็นข้อได้เปรียบสำคัญคือ เครื่องเดินวงรีสามารถให้กล้ามเนื้อส่วนบนและแกนกลางของร่างกายทำงานร่วมไปด้วย ทำให้กลายเป็นการออกกำลังกายแบบ Total Body ได้โดยธรรมชาติ ในขณะที่การวิ่งใช้เพียงกล้ามเนื้อขาและแกนกลางเป็นหลัก จึงทำให้เครื่องเดินวงรีสามารถกระจายการใช้พลังงานออกไปยังกล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เครื่องเดินวงรีเผาผลาญพลังงานได้สูงในเวลาเท่ากัน

จากงานวิจัยของ University of Wisconsin-Madison ที่ทำการทดลองกับอาสาสมัครจริง ทั้งชายและหญิงที่มีสภาพร่างกายหลากหลาย โดยให้ออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรีและลู่วิ่งไฟฟ้าในระดับความเข้มข้นปานกลาง ผลปรากฏว่า เครื่องเดินวงรีสามารถเผาผลาญพลังงานได้เฉลี่ย 93-97% เมื่อเทียบกับลู่วิ่ง ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยของอัตราการเต้นหัวใจระหว่างการใช้งานเครื่องทั้งสองประเภทนั้นใกล้เคียงกันมาก โดยเครื่องเดินวงรีทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าการเดินบนลู่วิ่งเพียง 4-5 ครั้งต่อนาทีเท่านั้น นั่นหมายความว่าภาระของระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ได้รับจากการออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี อยู่ในระดับใกล้เคียงกับการวิ่งบนลู่วิ่งเกือบทุกประการ

สิ่งที่ทำให้เครื่องเดินวงรีเหนือกว่าการวิ่งในบางกรณีก็คือ ความสามารถในการออกกำลังกายต่อเนื่องได้ยาวนานกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ได้มีสมรรถภาพข้อเข่าและข้อเท้าในระดับนักกีฬา เนื่องจากเครื่องเดินวงรีไม่มีแรงกระแทกสะสม จึงทำให้สามารถทำคาร์ดิโอในโซนเป้าหมายได้ต่อเนื่องนานขึ้น ในขณะที่ผู้ใช้งานลู่วิ่งส่วนใหญ่มักพบปัญหาเมื่อใช้งานเกิน 20-30 นาที เพราะเริ่มมีอาการเจ็บข้อหรือเมื่อยกล้ามเนื้อเฉพาะกลุ่มอย่างรวดเร็ว เครื่องเดินวงรีจึงตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ เพราะสามารถรักษาอัตราการเต้นหัวใจให้อยู่ในโซนเผาผลาญไขมันได้ต่อเนื่องหลายสิบนาทีโดยไม่ต้องหยุดพัก

นอกจากข้อดีเรื่องแรงกระแทกแล้ว เครื่องเดินวงรียังสามารถเพิ่มระดับความเข้มข้นของการออกกำลังกายได้อย่างยืดหยุ่นผ่านการปรับแรงต้านและรอบการก้าว เครื่องเดินวงรีรุ่นใหม่ ๆ มีระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้า ที่สามารถกำหนดความหนักในการเหยียบได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเปรียบเสมือนการวิ่งขึ้นทางชันบนลู่วิ่ง แต่ที่ดีกว่าคือไม่ต้องแบกรับแรงกระแทกช่วงลงส้นในทุกย่างก้าว และในขณะเดียวกันมือจับเคลื่อนที่ก็ถูกออกแบบมาให้ช่วยให้ผู้ใช้งานออกแรงดึงและผลักได้จริง ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อช่วงบน เช่น กล้ามเนื้อไหล่ หลัง แขน ได้ทำงานร่วมไปกับกล้ามเนื้อขาและแกนกลาง ทำให้เกิดการใช้พลังงานที่สมดุลและต่อเนื่องมากขึ้น

ในแง่ของระบบหัวใจและหลอดเลือด มีการศึกษาในปี 2021 โดยวารสาร Journal of Sports Medicine ที่ทำการวิเคราะห์งานวิจัยทั้งหมด 8 ฉบับที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องเดินวงรี พบว่า เครื่องเดินวงรีให้ประสิทธิภาพในการพัฒนาสมรรถภาพระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiorespiratory Fitness) ใกล้เคียงกับการวิ่งจริง และในบางกลุ่มอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก กลับสามารถพัฒนาสมรรถภาพได้ดีกว่าการวิ่ง เนื่องจากสามารถออกกำลังกายต่อเนื่องได้โดยไม่เจ็บข้อหรือเกิดแรงกระแทกสะสม

ในฐานะโค้ชที่ดูแลกลุ่มลูกศิษย์เป้าหมายลดไขมัน โค้ชปูแน่นเห็นภาพชัดเจนว่าลูกเทรนส่วนใหญ่มักวิ่งได้เพียง 15-20 นาที ก่อนจะรู้สึกเจ็บหรือเมื่อยกล้ามเนื้อขามากจนต้องหยุดพัก แต่เมื่อเปลี่ยนมาทำคาร์ดิโอบนเครื่องเดินวงรี กลับสามารถทำได้ต่อเนื่อง 30-45 นาทีโดยไม่หยุด ทำให้พลังงานรวมที่เผาผลาญได้ในแต่ละครั้งมากกว่าการวิ่งในชีวิตจริง แม้ว่าในเชิงทฤษฎีการวิ่งจะเผาผลาญแคลอรีสูงกว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม

สรุปง่าย ๆ คือ เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานเทียบเท่ากับการวิ่งในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป และเหมาะกับการใช้งานในระยะยาว เพราะสามารถทำคาร์ดิโอได้ต่อเนื่องโดยไม่เสี่ยงบาดเจ็บ โค้ชปูแน่นกล้ายืนยันจากทั้งงานวิจัยและประสบการณ์จริงว่า เครื่องเดินวงรีคืออาวุธลับสำหรับใครก็ตามที่ต้องการลดไขมันอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องกลัวเข่าเจ็บหรือข้อพังในระยะยาว

เพราะการเผาผลาญไขมันให้ได้ผล ไม่ใช่แค่เผาผลาญได้สูงในระยะสั้น แต่คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งเครื่องเดินวงรีทำให้คุณทำได้จริง

“จำไว้เสมอครับ... ถ้าเป้าหมายคุณคือสุขภาพดีและลดไขมัน เครื่องเดินวงรีคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในฟิตเนส”
— โค้ชปูแน่น

 

เทคนิค HIIT แบบเครื่องเดินวงรี เผาผลาญไขมันเร็วกว่าเดิมด้วยการฝึกแบบเว้นช่วง

หนึ่งในเทคนิคที่โค้ชปูแน่นมักจะแนะนำให้กับลูกเทรนที่ต้องการลดไขมันอย่างเร่งด่วนก็คือการใช้ HIIT หรือ High-Intensity Interval Training ในการออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี เพราะแม้เครื่องเดินวงรีจะมีชื่อเสียงในเรื่องการทำคาร์ดิโอแบบต่อเนื่อง หรือ LISS (Low-Intensity Steady-State) แต่ด้วยระบบแรงต้านและความยืดหยุ่นในการปรับรอบขา เครื่องนี้ยังสามารถใช้งานในรูปแบบ HIIT ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมากเช่นกัน

HIIT เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่เน้นการสลับช่วงทำงานหนักกับช่วงพักหรือช่วงเบา โดยออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานสูงสุดในช่วงเวลาสั้น ๆ ตามด้วยช่วงฟื้นตัวสั้น ๆ แล้วทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ในหนึ่งรอบการฝึก ด้วยรูปแบบนี้ ร่างกายจะถูกบังคับให้ดึงพลังงานจากไขมันออกมาใช้งานมากขึ้นในช่วงหลังออกกำลังกาย ซึ่งเรียกว่า EPOC หรือ Excess Post-Exercise Oxygen Consumption หมายถึง ภาวะที่ร่างกายยังคงเผาผลาญพลังงานสูงอยู่แม้จะหยุดออกกำลังกายแล้วก็ตาม การทำ HIIT บนเครื่องเดินวงรีจึงสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ได้สูงกว่าการทำคาร์ดิโอแบบปกติในระยะเวลาที่เท่ากัน

เมื่อพูดถึงการประยุกต์ HIIT บนเครื่องเดินวงรี โค้ชปูแน่นพบว่า ความสามารถในการปรับแรงต้านได้อย่างละเอียด และจังหวะการเคลื่อนที่ที่ไม่มีแรงกระแทก ทำให้เครื่องนี้เหมาะมากกับการใช้ฝึก HIIT สำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์ นอกจากนี้ การที่ผู้ใช้งานสามารถใช้กล้ามเนื้อทั้งตัวในขณะออกแรง ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อขา สะโพก แขน หลัง และแกนกลางลำตัว ทำให้ผลลัพธ์ในการเผาผลาญแคลอรีสูงขึ้นกว่าการทำ HIIT ด้วยเครื่องอื่นอย่างจักรยานนั่งปั่นที่ใช้แค่กล้ามเนื้อช่วงล่างเพียงอย่างเดียว

โครงสร้างการฝึก HIIT ด้วยเครื่องเดินวงรีโดยทั่วไปจะเริ่มจากช่วงวอร์มอัพเพื่อเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อประมาณ 3-5 นาที โดยตั้งแรงต้านในระดับต่ำและเหยียบในรอบขาที่ไม่เร็วมาก หลังจากนั้นเข้าสู่ช่วงทำงานหนักที่เรียกว่า High-Intensity Phase ซึ่งโค้ชแนะนำให้เพิ่มแรงต้านในระดับ 70-85% ของแรงต้านสูงสุดของเครื่อง รักษาความเร็วรอบขาให้อยู่ในระดับสูง เช่น 80-100 รอบต่อนาที โดยช่วงนี้ควรทำต่อเนื่องเป็นเวลา 20-30 วินาที หรือถ้าผู้ใช้งานมีความฟิตมากพอสามารถเพิ่มระยะเวลาเป็น 40 วินาทีได้ หลังจากนั้นให้สลับเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวหรือ Recovery Phase โดยลดแรงต้านลงกลับไปที่ 20-30% และลดรอบขาลงมาประมาณ 50-60 รอบต่อนาที ทำช่วงพักนี้ประมาณ 60-90 วินาที

สิ่งสำคัญในการออกแบบ HIIT ก็คือการรักษาอัตราส่วนของช่วงทำงานหนักและช่วงพักให้เหมาะสมกับสมรรถภาพของผู้ฝึก เช่น ผู้เริ่มต้นอาจเริ่มที่อัตราส่วน 13 (ทำงานหนัก 20 วินาที พัก 60 วินาที) ส่วนผู้มีประสบการณ์สามารถขยับเป็นอัตราส่วน 12 หรือ 11 ในผู้ที่มีความฟิตสูง เมื่อครบ 1 รอบแล้วให้นับเป็น 1 เซต โค้ชแนะนำให้ทำซ้ำ 10-15 เซตต่อครั้ง ใช้เวลารวมในการฝึกไม่เกิน 30 นาทีต่อครั้งจะได้ผลดีที่สุด จากนั้นปิดท้ายด้วยการคูลดาวน์ 3-5 นาที ด้วยแรงต้านต่ำ เพื่อให้ระบบไหลเวียนเลือดกลับสู่ภาวะปกติ

ประโยชน์ของการทำ HIIT ด้วยเครื่องเดินวงรีอีกอย่างหนึ่ง คือสามารถลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บที่ข้อต่อซึ่งพบได้บ่อยในการวิ่ง HIIT บนลู่วิ่ง เพราะในเครื่องเดินวงรีเท้าไม่ได้มีช่วงกระแทกพื้นและแรงเฉือนที่ข้อแทบไม่มีเลย ในขณะที่กล้ามเนื้อและระบบหัวใจยังคงถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างหนัก จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการเร่งลดไขมัน แต่มีข้อจำกัดด้านข้อต่อ เช่น น้ำหนักตัวมาก ข้อเข่าไม่แข็งแรง หรือผู้ที่เคยบาดเจ็บมาก่อน นอกจากนี้ เครื่องเดินวงรียังสามารถควบคุมระดับความเข้มข้นได้ง่ายกว่าการวิ่งจริง เพราะสามารถปรับแรงต้านและความเร็วได้ทันทีผ่านแผงควบคุม ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่รู้สึกท้อหรือหมดแรงก่อนเวลาอันควร

ในเชิงวิทยาศาสตร์ มีงานวิจัยจาก Journal of Strength and Conditioning Research ในปี 2019 ยืนยันว่า การทำ HIIT บนเครื่องเดินวงรีให้ผลในการเพิ่มการเผาผลาญพลังงานสูงถึง 15% เมื่อเทียบกับการทำ LISS ในช่วงเวลาการฝึกที่เท่ากัน และที่สำคัญคือระดับ EPOC หลังออกกำลังกายสูงกว่ากลุ่มที่ใช้ลู่วิ่งหรือจักรยานอยู่กับที่ นั่นหมายความว่าแม้จะหยุดฝึกแล้ว แต่ร่างกายยังคงเผาผลาญแคลอรีอย่างต่อเนื่องอีกหลายชั่วโมงหลังการฝึกจบลง

การนำ HIIT มาใช้กับเครื่องเดินวงรีจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่โค้ชปูแน่นแนะนำให้ลูกเทรนใช้ควบคู่กับการฝึกแบบต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ยังช่วยเพิ่มสมรรถภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาวโดยไม่ทำร้ายข้อเข่าและข้อเท้าเหมือนการวิ่ง HIIT แบบเดิม สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างรวดเร็วแต่มีข้อจำกัดด้านข้อต่อ เครื่องเดินวงรีจึงเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงเป้าหมายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ในฐานะโค้ชที่มีประสบการณ์ตรง โค้ชปูแน่นขอยืนยันอีกครั้งว่า เครื่องเดินวงรีไม่ใช่แค่เครื่องคาร์ดิโอธรรมดา แต่ถ้าคุณรู้จักใช้เทคนิค HIIT คุณจะสามารถเปลี่ยนเครื่องนี้ให้เป็น “อาวุธลดไขมัน” ที่ทรงพลังที่สุดในยิมของคุณเลยก็ว่าได้

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับมือใหม่ในการใช้เครื่องเดินวงรี

  1. อย่ารีบเพิ่มแรงต้านมากเกินไปในสัปดาห์แรก

มือใหม่หลายคนมีความเข้าใจผิดว่า ยิ่งตั้งแรงต้านสูงเท่าไหร่ ยิ่งเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น แต่จริงๆ แล้ว กล้ามเนื้อและระบบข้อของคุณยังไม่พร้อมรับน้ำหนักและแรงกดสูงในช่วงแรก หากคุณเพิ่มแรงต้านมากเกินไป จะทำให้กล้ามเนื้อล้าเร็ว หัวใจเต้นเร็วเกินโซนเผาผลาญ และเสี่ยงต่อการเจ็บข้อต่อได้ โค้ชแนะนำให้เริ่มจากแรงต้านระดับต่ำถึงปานกลางก่อนใน 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้กล้ามเนื้อและข้อต่อได้ปรับตัว หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มแรงต้านทีละระดับตามความพร้อมของร่างกาย

  1. เริ่มจากระยะเวลาเพียง 15-20 นาทีแล้วค่อยเพิ่มขึ้น

การเล่นเครื่องเดินวงรีครั้งแรก ควรเริ่มจากระยะเวลาสั้นๆ ก่อน เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับรูปแบบการเคลื่อนไหวและความรู้สึกในการเหยียบวงรี ในช่วง 1-3 วันแรก ให้คุณตั้งเป้าแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น อย่าเร่งรีบที่จะเล่นนาน เพราะร่างกายยังไม่พร้อม หลังจากใช้งานได้สบายแล้ว ค่อยเพิ่มเป็น 30 นาที หรือมากกว่านั้นตามเป้าหมายการเผาผลาญของคุณ

  1. ใช้โปรแกรมอัตโนมัติของเครื่องเพื่อช่วยแนะนำในช่วงเริ่มต้น

เครื่องเดินวงรีส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมอัตโนมัติที่ออกแบบไว้สำหรับผู้เริ่มต้น เช่น โปรแกรม Weight Loss, Fat Burn หรือ Manual Beginner โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยปรับแรงต้านและจังหวะการเคลื่อนไหวให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับมือใหม่ โค้ชแนะนำให้กดเลือกโปรแกรมเหล่านี้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ก่อนจะขยับไปปรับด้วยตัวเองเมื่อคุณเริ่มเข้าใจร่างกายของตัวเองมากขึ้น

  1. ฝึกให้ร่างกายใช้แขนออกแรงจริงตั้งแต่วันแรก

แม้คุณจะเป็นมือใหม่ แต่โค้ชแนะนำให้คุณเริ่มใช้แขนดึงและผลักมือจับเคลื่อนที่ตั้งแต่วันแรก อย่าใช้แขนแค่พยุงตัว เพราะถ้าคุณเคยชินกับการไม่ออกแรงแขน กล้ามเนื้อช่วงบนของคุณจะไม่ได้พัฒนาและคุณจะเสียโอกาสในการเผาผลาญแคลอรีจำนวนมาก จำไว้ว่าเครื่องเดินวงรีคือเครื่องออกกำลังกายทั้งตัว ไม่ใช่แค่เครื่องออกกำลังขา

  1. อย่าก้มหน้าเล่นหรือจับมือถือขณะออกกำลังกาย

โค้ชมักเห็นคนจำนวนมากใช้มือถือขณะเล่นเครื่องเดินวงรี ซึ่งส่งผลเสียอย่างมากต่อท่าทาง เพราะคุณจะก้มคอและงอหลังโดยไม่รู้ตัว ท่าทางที่ผิดแบบนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหลังและไหล่ทำงานผิดกลุ่ม เสี่ยงต่ออาการปวดเมื่อยและออฟฟิศซินโดรม ควรโฟกัสกับการออกแรง รักษาท่าทางตรง และใช้แขนขาออกแรงอย่างเต็มที่ทุกจังหวะ เพื่อผลลัพธ์สูงสุด

  1. ฝึกฟังเสียงร่างกายและไม่ฝืนเมื่อรู้สึกเจ็บ

ในช่วงเริ่มต้น คุณอาจรู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อหรือเหนื่อยเป็นปกติ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บข้อเข่า ข้อเท้า หรือมีอาการปวดแปลบที่กล้ามเนื้อใดกล้ามเนื้อหนึ่ง ให้หยุดทันที อย่าฝืนเล่นต่อ เพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บได้ ให้คุณเช็กว่าปรับแรงต้านหรือท่าทางผิดหรือไม่ หากไม่แน่ใจควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเทรนเนอร์ในฟิตเนส

  1. เล่นวันเว้นวันในช่วงแรก เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว

โค้ชแนะนำว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรเล่นเครื่องเดินวงรีวันเว้นวันเพื่อให้ระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อฟื้นตัวก่อน หลีกเลี่ยงการเล่นติดต่อกันทุกวัน เพราะแม้จะไม่มีแรงกระแทก แต่ร่างกายของคุณยังไม่ชินกับการออกแรงซ้ำๆ ในแนววงรี ต้องให้เวลาร่างกายปรับตัว หลังจากนั้นจึงค่อยเพิ่มความถี่เป็นสัปดาห์ละ 4-5 วันตามโปรแกรมที่เหมาะสม

  1. ตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายให้ชัดเจน

สุดท้าย มือใหม่ควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่า คุณใช้เครื่องเดินวงรีเพื่ออะไร เช่น ต้องการลดไขมัน เผาผลาญพลังงาน ฟื้นฟูข้อ หรือเพิ่มสมรรถภาพหัวใจ เพราะเป้าหมายแต่ละอย่างจะมีวิธีฝึกและการตั้งค่าเครื่องที่แตกต่างกัน หากคุณกำหนดเป้าหมายได้ชัด คุณจะออกกำลังกายได้ถูกวิธี และเห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น

 

แนะนำยี่ห้อและรุ่นยอดนิยมของเครื่องเดินวงรี

1.เครื่องเดินวงรีจาก Homefittools (แนะนำสำหรับบ้านและฟิตเนสขนาดเล็ก)

สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องเดินวงรีในราคาคุ้มค่า แต่ได้เครื่องที่ใช้วัสดุแข็งแรงและระบบแรงต้านที่แม่นยำ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องจากแบรนด์ Homefittools ซึ่งเหมาะกับทั้งผู้ที่ต้องการออกกำลังกายจริงจังในบ้านและยิมขนาดเล็ก จุดเด่นของเครื่องเดินวงรีจาก Homefittools คือราคาประหยัดกว่าแบรนด์นำเข้า แต่ได้ฟังก์ชันและความแข็งแรงใกล้เคียงกัน ระบบแรงต้านใช้แม่เหล็กและปรับได้หลายระดับ จอแสดงผลชัดเจน ใช้งานง่าย พร้อมมีบริการติดตั้งถึงบ้านและรับประกันยาวนาน รุ่นที่แนะนำ เช่น Elliptical รุ่น X Series ที่รองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ 120-150 กิโลกรัมต่อเครื่อง

2.Johnson Horizon (รุ่นใช้งานในบ้าน ราคาคุ้มค่า)

ถ้าคุณต้องการเครื่องเดินวงรีสำหรับใช้ในบ้านในราคาจับต้องได้ โค้ชปูแน่นแนะนำแบรนด์ Horizon จาก Johnson Health Tech จุดเด่นคือขนาดเครื่องไม่ใหญ่มาก รองรับการพับเก็บในบางรุ่น และมีแรงต้านเพียงพอสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายทั่วไป รุ่นที่น่าสนใจเช่น Horizon Andes Series ที่ออกแบบให้เคลื่อนไหวตามธรรมชาติและใช้พื้นที่ติดตั้งไม่มาก ราคาของ Horizon จะอยู่ในระดับ 30,000-80,000 บาท เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการเครื่องเดินวงรีไว้ใช้งานที่บ้าน

3.Precor (แบรนด์ระดับโลกที่คิดค้นเครื่องเดินวงรีเครื่องแรก)

ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องเดินวงรีที่ถูกออกแบบมาในระดับฟิตเนสมืออาชีพ โค้ชปูแน่นขอแนะนำแบรนด์ Precor เป็นตัวเลือกแรก แบรนด์นี้คือผู้คิดค้นเครื่องเดินวงรีเครื่องแรกของโลกในชื่อรุ่น EFX และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นของเครื่องจาก Precor คือการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลตามหลักสรีรศาสตร์ ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าที่ละเอียด รวมถึงฟังก์ชัน CrossRamp ที่ปรับองศาการก้าวได้หลากหลาย ช่วยให้การออกกำลังกายแตกต่างจากเครื่องทั่วไป เครื่อง Precor เหมาะสำหรับยิมขนาดใหญ่หรือบ้านลูกค้าที่ต้องการลงทุนระยะยาว แต่ราคาค่อนข้างสูง เครื่องรุ่นเริ่มต้นจะอยู่ที่หลักแสนไปจนถึงหลายแสนบาท

4.Matrix (เครื่องเดินวงรีเชิงพาณิชย์รุ่นยอดนิยมในไทย)

ถ้าคุณเคยไปฟิตเนสเชิงพาณิชย์ในไทย เช่น ฟิตเนสในห้างหรือยิมใหญ่ ๆ คุณจะเห็นเครื่อง Matrix อยู่ในหลายที่ จุดเด่นของ Matrix คือความทนทาน เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องทั้งวัน ระบบแรงต้านมีความแม่นยำ รองรับน้ำหนักผู้เล่นได้มากถึง 180-200 กิโลกรัมต่อเครื่อง รุ่นยอดนิยม เช่น Matrix E30 หรือ E50 ที่มีระบบ Ergo Form Grips ช่วยให้จับถนัดมือมากขึ้น เครื่อง Matrix ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมของยิมขนาดกลางถึงใหญ่ในประเทศไทย

 

หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อเครื่องเดินวงรี (คู่มือโค้ชปูแน่น)

  1. เลือกจากเป้าหมายการใช้งานของคุณเป็นหลัก

ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องเดินวงรี คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณต้องการเครื่องนี้ไปใช้เพื่ออะไร ถ้าเป้าหมายของคุณคือการลดไขมันและใช้งานทุกวัน ควรเลือกเครื่องที่มีโครงสร้างแข็งแรง ระบบแรงต้านแม่นยำ และรองรับการใช้งานหนัก แต่ถ้าคุณออกกำลังกายสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือใช้งานเบาๆ ในบ้าน เครื่องระดับเริ่มต้นหรือรุ่นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปก็เพียงพอแล้ว โค้ชแนะนำให้วางเป้าหมายชัดเจน เพื่อเลือกเครื่องที่ตอบโจทย์ ไม่มากเกินไปหรือถูกเกินไปจนเสียเงินเปล่า

  1. ดูที่โครงสร้างเครื่องและวัสดุเป็นอันดับแรก

เครื่องเดินวงรีที่ดี ต้องมีโครงสร้างที่มั่นคงและแข็งแรงเป็นอันดับหนึ่ง ควรเลือกเครื่องที่ใช้โครงสร้างเหล็กเต็มระบบ ไม่ใช่พลาสติกหรือเหล็กบางๆ เพราะเครื่องจะต้องรับน้ำหนักตัวคุณทุกจังหวะเหยียบ และเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องหลายหมื่นครั้ง หากวัสดุไม่ดีพอ เครื่องจะมีอายุการใช้งานสั้นและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องที่รองรับน้ำหนักผู้เล่นได้อย่างน้อย 120-150 กิโลกรัมขึ้นไป และมีโครงสร้างแข็งแรง ไม่โยกซ้ายขวาขณะเล่น

  1. ระบบแรงต้านต้องเป็นแม่เหล็กหรือแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic / EMS)

ระบบแรงต้านที่ดีจะทำให้คุณควบคุมระดับความหนักได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ เครื่องรุ่นราคาถูกบางรุ่นใช้แรงต้านแบบสายพาน ซึ่งปรับได้ไม่ละเอียดและเสื่อมสภาพเร็ว โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องที่ใช้แรงต้านแม่เหล็ก (Magnetic Resistance) หรือแม่เหล็กไฟฟ้า (EMS - Electromagnetic Resistance) ซึ่งให้แรงต้านคงที่และลื่นไหลในทุกจังหวะ ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าจะตอบสนองการปรับแบบอัตโนมัติและละเอียดมากกว่า จึงเหมาะกับคนที่ออกกำลังจริงจัง

  1. ระบบ Flywheel ต้องมีน้ำหนักเหมาะสม

Flywheel หรือล้อหมุนภายในเครื่องมีผลโดยตรงต่อความลื่นไหลและแรงเฉื่อยในขณะเหยียบ หาก Flywheel เบาเกินไป เครื่องจะหมุนสะดุด เหยียบไม่ลื่น ให้เลือกเครื่องที่มี Flywheel หนักอย่างน้อย 7-10 กิโลกรัมขึ้นไป เครื่องที่ Flywheel หนักจะให้แรงเฉื่อยคงที่ เหยียบลื่น ลดแรงกระชาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานระยะยาว

  1. แผงควบคุมและจอแสดงผลใช้งานง่าย

จอควบคุมและระบบแสดงผลของเครื่องควรแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระยะเวลา, ระยะทาง, รอบขา, แรงต้าน, แคลอรี่ที่เผาผลาญ, และอัตราการเต้นหัวใจอย่างชัดเจน เครื่องรุ่นใหม่ๆ ควรมีโปรแกรมอัตโนมัติให้เลือก และสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันออกกำลังกายได้เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการฝึก

  1. เลือกเครื่องที่มีขนาดและพื้นที่ติดตั้งเหมาะกับบ้านหรือฟิตเนสของคุณ

เครื่องเดินวงรีมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ควรวัดพื้นที่ก่อนตัดสินใจซื้อ เลือกเครื่องที่เหมาะสมกับพื้นที่ของคุณ ไม่ควรซื้อเครื่องใหญ่เกินไปจนทำให้พื้นที่ออกกำลังกายแออัด เครื่องรุ่นบ้านบางรุ่นสามารถพับเก็บได้ ช่วยประหยัดพื้นที่มากขึ้น

  1. ราคาต้องสมเหตุสมผลกับวัสดุและการใช้งาน

ราคาของเครื่องเดินวงรีสะท้อนคุณภาพวัสดุและระบบภายในโดยตรง เครื่องราคาถูกเกินไปมักใช้วัสดุและระบบแรงต้านคุณภาพต่ำ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องในระดับราคากลางขึ้นไป ถ้าคุณเน้นใช้งานจริงจัง สำหรับใช้งานในบ้าน เลือกราคา 30,000 - 80,000 บาท จะได้เครื่องที่คุ้มค่า ใช้งานได้ยาวนาน เครื่องฟิตเนสเกรดสำหรับยิมควรอยู่ในช่วงราคา 100,000 - 500,000 บาท

  1. การรับประกันและบริการหลังการขายต้องชัดเจน

ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบว่าเครื่องมีการรับประกันตัวเครื่อง ระบบแรงต้าน และอะไหล่สำคัญหรือไม่ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องที่มีรับประกันตัวเครื่องอย่างน้อย 1-3 ปี และมีบริการดูแลหลังการขายจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีทีมช่างที่สามารถเข้าไปซ่อมบำรุงหรือส่งอะไหล่ได้จริงภายในประเทศ หลีกเลี่ยงเครื่องราคาถูกที่ไม่มีศูนย์บริการในประเทศ เพราะเมื่อเครื่องเสียคุณจะไม่มีอะไหล่ซ่อม และต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่อย่างแน่นอน

โค้ชปูแน่นแนะนำเสมอว่า การเลือกซื้อเครื่องเดินวงรี ไม่ควรตัดสินใจจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ควรเลือกจากเป้าหมายการใช้งานจริง ระบบแรงต้านที่แม่นยำ โครงสร้างที่แข็งแรง และบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ การลงทุนกับเครื่องที่มีคุณภาพดีตั้งแต่แรก จะช่วยให้คุณใช้งานได้ยาวนาน ปลอดภัย และออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกวัน

 

รีวิวรุ่นแนะนำเครื่องเดินวงรี Homefittools / Johnson Horizon / Matrix (โค้ชปูแน่นแนะนำ)

  1. Homefittools Elliptical

ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องเดินวงรีที่เน้นความคุ้มค่าในงบกลางๆ แต่ได้คุณภาพระดับมืออาชีพ โค้ชปูแน่นแนะนำให้เริ่มต้นจากเครื่องเดินวงรีของแบรนด์ Homefittools โดยเฉพาะรุ่น X-Series จุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้คือใช้โครงสร้างเหล็กเต็มระบบ ตัวเครื่องแข็งแรง รองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้มากถึง 150 กิโลกรัม ระบบแรงต้านเป็นแม่เหล็ก ปรับได้หลายระดับ ใช้งานง่าย เหมาะทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและคนที่ออกกำลังกายจริงจัง ตัวเครื่องให้แรงเฉื่อยและแรงต้านที่มั่นคง ทำให้เหยียบได้ลื่นและเป็นธรรมชาติทุกจังหวะ นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผลที่แสดงข้อมูลครบถ้วน เช่น ระยะทาง, แคลอรี่ที่เผาผลาญ, รอบขา, และอัตราการเต้นหัวใจอย่างชัดเจน

ที่สำคัญ เครื่อง Homefittools รุ่นนี้สามารถติดตั้งในบ้านหรือฟิตเนสขนาดเล็กได้ เพราะตัวเครื่องออกแบบให้มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป ประหยัดพื้นที่ติดตั้ง ราคาของเครื่องอยู่ในช่วงประมาณ 40,000 - 60,000 บาท ซึ่งคุ้มค่าเมื่อเทียบกับวัสดุและระบบแรงต้านที่ได้ นอกจากนี้ยังมีบริการติดตั้งถึงบ้านและรับประกันยาวนาน พร้อมทีมช่างในประเทศ ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องเดินวงรีดีๆ ในงบที่ไม่ต้องสูงระดับฟิตเนสเชิงพาณิชย์

  1. Johnson Horizon Andes 7i

สำหรับเครื่องเดินวงรีระดับกลางที่ใช้งานในบ้านได้ดีมาก โค้ชขอแนะนำ Horizon Andes 7i จากแบรนด์ Johnson ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายเดียวกับ Matrix แต่แบ่งไลน์ผลิตสำหรับใช้งานในบ้าน จุดเด่นของรุ่น Andes 7i คือโครงสร้างแข็งแรง รับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ถึง 136 กิโลกรัม ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าให้ความลื่นไหลในการใช้งาน ปรับระดับได้ถึง 16 ระดับ ให้แรงต้านที่ละเอียดและแม่นยำ สามารถออกกำลังกายแบบหนักได้จริง พร้อมโปรแกรมอัตโนมัติถึง 10 โปรแกรม ช่วยให้ใช้งานง่าย

ที่น่าสนใจคือเครื่องรุ่นนี้สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ช่วยประหยัดพื้นที่ติดตั้ง เหมาะกับบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด และในขณะที่ราคาถือว่าสูงกว่าเครื่องระดับเริ่มต้น แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าคุ้มค่า ราคาประมาณ 70,000 - 85,000 บาท เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเครื่องเดินวงรีที่เน้นการใช้งานจริงจังในบ้านแต่มีพื้นที่จำกัด

  1. Matrix E30XR / Matrix A50

ถ้าคุณต้องการเครื่องเดินวงรีระดับฟิตเนสจริงจังในบ้าน โค้ชแนะนำให้ขยับไปที่แบรนด์ Matrix ซึ่งเป็นแบรนด์เชิงพาณิชย์ที่ฟิตเนสระดับประเทศเลือกใช้งาน รุ่นที่แนะนำคือ Matrix E30 และรุ่นท็อปอย่าง Matrix A50 จุดเด่นของเครื่องทั้งสองรุ่นนี้คือโครงสร้างแข็งแรง ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าให้ความลื่นไหลเป็นพิเศษ มี Flywheel น้ำหนักสูงช่วยเพิ่มแรงเฉื่อย ให้การเคลื่อนไหวสมูทเป็นธรรมชาติไม่สะดุดแม้ในการใช้งานต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง

Matrix ใช้ระบบแรงต้านแบบ Induction Brake ที่แม่นยำสูงสุดในตลาด ปรับระดับความหนักได้ละเอียดกว่าระบบแม่เหล็กทั่วไป เหมาะกับทั้งมือใหม่และนักกีฬาที่ต้องการคาร์ดิโอแบบจริงจัง ตัวเครื่องรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานสูงสุดถึง 180 กิโลกรัม พร้อมจอสัมผัสที่เชื่อมต่อแอปออกกำลังกายและโปรแกรมเทรนนิ่งจาก Matrix ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีมือจับออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดอาการเมื่อยในระหว่างใช้งานยาวนาน

Matrix E30 จะอยู่ในช่วงราคาประมาณ 160,000 - 200,000 บาท ส่วนรุ่น A50 ที่เป็นตัวท็อปจะขยับขึ้นไปที่ 200,000 - 250,000 บาท เหมาะกับบ้านที่ต้องการเครื่องออกกำลังกายจริงจังในคุณภาพระดับฟิตเนส หรือฟิตเนสขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีผู้ใช้งานทั้งวัน โค้ชปูแน่นยืนยันว่าถ้าเลือกแบรนด์ Matrix คุณจะได้เครื่องเดินวงรีที่เป็นระดับ “ตัวท็อปของตลาด” อย่างแท้จริง

ทั้ง 3 แบรนด์นี้ คือเครื่องเดินวงรีที่โค้ชปูแน่นแนะนำให้ลูกเทรนเลือกซื้อบ่อยที่สุดในช่วงปี 2025 เพราะมีความคุ้มค่าแตกต่างกันตามระดับราคา ตั้งแต่ Homefittools สำหรับใช้งานจริงจังในบ้านในงบประหยัด, Johnson Horizon ที่ให้คุณภาพระดับฟิตเนสในราคากลางๆ, ไปจนถึง Matrix ที่ให้คุณภาพระดับฟิตเนสเชิงพาณิชย์สำหรับคนที่จริงจังกับการออกกำลังกายระดับมืออาชีพ

เครื่องเดินวงรีที่ดี จะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้ยาวนาน ปลอดภัย และช่วยให้ลดไขมันทั้งตัวได้จริงในระยะยาว ควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายของคุณครับ

 

เลือกดูเครื่องเดินวงรี Homefitools, Johnson และ แบรนด์อื่นๆได้ที่นี่

 

เปรียบเทียบสั้นๆ ระหว่างแบรนด์ดัง (Homefittools / Johnson / Matrix)

หากคุณกำลังลังเลว่าจะเลือกเครื่องเดินวงรีแบรนด์ไหนดีระหว่าง Homefittools, Johnson Horizon หรือ Matrix โค้ชปูแน่นขอช่วยสรุปให้แบบตรงไปตรงมาโดยใช้ประสบการณ์จริงจากการใช้งานกับลูกเทรนในฟิตเนสและบ้านลูกค้าหลายราย

เริ่มจาก Homefittools แบรนด์นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการเครื่องเดินวงรีใช้งานในบ้านโดยไม่ต้องลงทุนสูง จุดเด่นของ Homefittools คือให้วัสดุและระบบแรงต้านที่ดีเกินราคาค่าตัว ตัวเครื่องแข็งแรง รองรับน้ำหนักผู้เล่นได้ดีพอๆ กับเครื่องระดับยิมขนาดเล็ก ระบบแรงต้านแม่เหล็กปรับได้หลายระดับให้การใช้งานลื่นไหล แม้ไม่มีระบบแม่เหล็กไฟฟ้าแบบแบรนด์ใหญ่ๆ แต่ในงบประมาณ 40,000 ถึง 60,000 บาท ถือว่าหาเครื่องในคุณภาพระดับเดียวกันนี้จากแบรนด์นำเข้าแทบไม่ได้ โค้ชปูแน่นจึงมักแนะนำแบรนด์นี้ให้กับลูกเทรนที่ต้องการเครื่องเดินวงรีไว้ใช้ในบ้านแบบจริงจังแต่มีงบประมาณจำกัด เพราะถือว่าได้เครื่องที่เกินคุณภาพเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป

ขณะที่ Johnson Horizon เป็นทางเลือกกลางที่สมดุลระหว่างคุณภาพระดับฟิตเนสและราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายกว่าแบรนด์เชิงพาณิชย์ ตัวเครื่องของ Johnson ให้โครงสร้างแข็งแรง ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าแม่นยำกว่า Homefittools ให้แรงต้านละเอียดกว่า เหยียบลื่นกว่า รองรับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ ได้ดีกว่า และมักมีโปรแกรมอัตโนมัติที่หลากหลายกว่าด้วย จุดเด่นอีกอย่างของเครื่องเดินวงรีจาก Johnson คือขนาดเครื่องที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ติดตั้งในบ้านง่าย และบางรุ่นพับเก็บได้ ซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนที่อยู่บ้านหรือคอนโด มีพื้นที่จำกัด แต่ต้องการเครื่องคุณภาพสูง โค้ชมักแนะนำแบรนด์ Johnson ให้กับลูกเทรนที่จริงจังกับการลดไขมันในระยะยาว แต่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ติดตั้ง เพราะคุณจะได้เครื่องในระดับฟิตเนสขนาดเล็กโดยไม่ต้องจ่ายถึงหลักแสน ราคาของ Johnson Horizon ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเจ็ดหมื่นถึงไม่เกินแปดหมื่นบาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับเครื่องที่ให้แรงต้านละเอียดและระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

สำหรับ Matrix โค้ชปูแน่นขอสรุปให้เลยว่าคือแบรนด์ระดับมืออาชีพที่ฟิตเนสชื่อดังทั่วโลกเลือกใช้งาน เครื่องของ Matrix ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่อเนื่องตลอดวันโดยไม่ต้องหยุดพัก ระบบแรงต้านเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าขั้นสูง ปรับละเอียดมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการฝึกในระดับนักกีฬา ฟังก์ชันภายในเครื่องเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและโปรแกรมฝึกออนไลน์ได้ ตัวเครื่องมีจอสัมผัสขนาดใหญ่ แข็งแรงทนทาน รองรับน้ำหนักผู้ใช้งานสูงถึง 180 กิโลกรัม จังหวะการเหยียบเป็นธรรมชาติมาก เหยียบแล้วลื่นไหลอย่างสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเครื่องทั้งหมดที่โค้ชเคยใช้มา ราคาก็สมกับคุณภาพ เพราะอยู่ในช่วงตั้งแต่หลักแสนกลางๆ ไปจนถึงสองถึงสามแสนบาท จึงเหมาะกับผู้ที่จริงจังกับการออกกำลังกายในระดับนักกีฬาหรือฟิตเนสเชิงพาณิชย์ที่มีผู้ใช้งานตลอดวัน แต่สำหรับคนทั่วไปที่มีงบไม่ถึงระดับนี้ โค้ชแนะนำให้เลือกระหว่าง Homefittools กับ Johnson Horizon ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว

สรุปง่ายๆ หากคุณต้องการเครื่องที่คุ้มค่าสำหรับใช้ในบ้าน Homefittools จะตอบโจทย์ที่สุดในแง่ของราคาและวัสดุที่เกินราคา แต่ถ้าคุณจริงจังกับการออกกำลังกายมากขึ้นในบ้าน และต้องการเครื่องที่มีระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบพร้อมความทนทานระดับยิมขนาดเล็ก Johnson Horizon คือทางเลือกที่น่าสนใจ ในขณะที่ถ้าคุณมีงบประมาณสูง และต้องการเครื่องระดับฟิตเนสมืออาชีพที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวล Matrix จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เครื่องเดินวงรีมือสองควรดูอะไรบ้าง? (คู่มือโค้ชปูแน่น)

  1. ตรวจสอบสภาพโครงสร้างเครื่อง

สิ่งแรกที่ต้องดูคือโครงสร้างของเครื่องว่ามีสนิม รอยร้าว หรือการเชื่อมซ่อมแซมหรือไม่ เพราะเครื่องเดินวงรีต้องรับน้ำหนักตัวคุณเต็ม ๆ ทุกจังหวะเหยียบ ถ้าโครงสร้างไม่สมบูรณ์ หรือมีรอยเชื่อมต่อใหม่ ๆ ที่ไม่ได้มาจากโรงงาน ให้หลีกเลี่ยงทันที เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเครื่องเคยหักหรือเสียหายมาก่อน ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ไม่ควรเสี่ยง

  1. ตรวจสอบระบบแรงต้านว่าทำงานสมบูรณ์หรือไม่

เครื่องเดินวงรีมือสองส่วนใหญ่มักเจอปัญหาระบบแรงต้านไม่ทำงานหรือแรงต้านเสีย ถ้าเป็นระบบแม่เหล็กธรรมดา อาจเกิดจากสายเคเบิลขาด แต่ถ้าเป็นระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หากระบบไฟฟ้าภายในเสียซ่อมค่อนข้างยากและแพง ควรลองหมุนแรงต้านทุกระดับตั้งแต่ต่ำสุดจนถึงสูงสุด แล้วเหยียบดูว่าแรงต้านมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าแรงต้านค้างหรือไม่ตอบสนอง ควรหลีกเลี่ยงทันที

  1. เช็กเสียงและจังหวะการหมุนของเครื่อง

เครื่องเดินวงรีที่ดีต้องหมุนลื่น ไม่สะดุด และไม่มีเสียงดังผิดปกติ ลองเหยียบเครื่องและฟังเสียงระหว่างใช้งาน หากมีเสียงดังครืด คราด หรือเสียงโลหะเสียดสีกัน เป็นสัญญาณว่าเครื่องมีปัญหากับระบบลูกปืนหรือชุดขับภายในซึ่งซ่อมยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ให้หลีกเลี่ยงการซื้อทันที

  1. ตรวจสอบหน้าจอและระบบอิเล็กทรอนิกส์

หน้าจอแสดงผลต้องทำงานปกติ แสดงตัวเลขครบทุกฟังก์ชัน เช่น เวลา ระยะทาง แคลอรี่ RPM และ Heart Rate ถ้าเครื่องรุ่นนั้นมีฟังก์ชันตรวจวัดชีพจร หรือต่อ Bluetooth ได้ ต้องลองทดสอบว่าทำงานได้สมบูรณ์ หากจอดับบางส่วน หรือตัวเลขแสดงผลผิดปกติ นั่นอาจหมายถึงวงจรภายในเสียหายและซ่อมแซมยาก

  1. ตรวจสอบอายุการใช้งานและประวัติการใช้งานเครื่อง

ถามผู้ขายถึงอายุการใช้งานเครื่องจริง และเครื่องนี้เคยใช้งานในบ้านหรือฟิตเนสหรือไม่ ถ้าเครื่องเคยอยู่ในฟิตเนส เครื่องอาจถูกใช้งานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมง ทำให้สภาพภายในสึกหรอสูง แต่ถ้าเป็นเครื่องที่เจ้าของใช้เองในบ้านและดูแลรักษาดี จะมีสภาพที่ดีกว่ามาก หากเลือกได้ ควรเลือกเครื่องที่มีประวัติใช้งานน้อยและใช้ในบ้าน

  1. ตรวจสอบใบเสร็จหรือเอกสารการรับประกันเดิม (ถ้ามี)

เครื่องเดินวงรีมือสองที่ดีควรมีใบเสร็จหรือเอกสารรับประกันเดิมอย่างน้อยให้ดู เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเครื่องที่ได้มาถูกต้อง มีประวัติการซื้อขายจริง และจะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นว่าคุณไม่ได้ซื้อเครื่องที่ถูกขโมยมาหรือมีประวัติผิดปกติ

  1. ตรวจสอบว่ามีบริการหลังการขายหรืออะไหล่รองรับหรือไม่

ควรเลือกซื้อเครื่องที่ยังมีศูนย์บริการหรือบริษัทที่ดูแลอยู่ในประเทศ เพื่อให้สามารถซ่อมบำรุงหรือหาอะไหล่เปลี่ยนได้ง่าย เครื่องมือสองบางเครื่องเป็นรุ่นนำเข้าพิเศษหรือรุ่นเลิกผลิตแล้ว ทำให้ไม่มีอะไหล่เปลี่ยนและซ่อมไม่ได้

  1. ทดสอบใช้งานจริงอย่างน้อย 10-15 นาที ก่อนตัดสินใจซื้อ

อย่าตัดสินใจซื้อเครื่องมือสองโดยไม่ลองเหยียบจริง เพราะหลายปัญหา เช่น เสียงดัง จังหวะการหมุนสะดุด หรือแรงต้านเพี้ยน จะรู้สึกได้จริงเมื่อคุณเหยียบบนเครื่อง ลองทดสอบการทำงานของทุกระบบอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องเสียหรือซ่อมไม่ได้ในภายหลัง

หากคุณตรวจสอบครบทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว เครื่องเดินวงรีมือสองที่คุณกำลังจะซื้อน่าจะปลอดภัยและใช้งานได้ดีในระยะยาว โค้ชปูแน่นแนะนำว่า หากคุณไม่มีความรู้ในการตรวจเช็กเครื่อง ควรพาเทรนเนอร์หรือช่างผู้เชี่ยวชาญไปช่วยดูเครื่องก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ เพื่อให้ได้เครื่องมือสองที่มีคุณภาพ ไม่เสียเงินฟรีครับ

 

เครื่องเดินวงรี VS เครื่องปั่นวงรี (Elliptical Bike) เลือกแบบไหนเหมาะกับคุณ?

ในฟิตเนสหรือแม้แต่ในร้านขายอุปกรณ์ออกกำลังกาย หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าเครื่องเดินวงรี กับอีกเครื่องที่เรียกว่าเครื่องปั่นวงรี หรือบางคนเรียกว่าจักรยานวงรี ทั้งสองอย่างนี้ชื่อคล้ายกันจนหลายคนสับสน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองเครื่องมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และส่งผลต่อเป้าหมายของผู้ใช้งานในแบบที่ต่างกันออกไปด้วย โค้ชปูแน่นจึงอยากช่วยอธิบายให้คุณเข้าใจง่ายๆ แบบที่โค้ชมักจะอธิบายให้ลูกเทรนฟังเวลาพาเลือกเครื่องที่ฟิตเนส

เครื่องเดินวงรี หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ Elliptical Trainer เป็นเครื่องคาร์ดิโอที่ออกแบบให้การเคลื่อนไหวของเท้าและขาเป็นไปตามเส้นทางวงรี โดยที่เท้าไม่ต้องยกจากแป้นวางเท้า ลักษณะการเคลื่อนไหวจะเหมือนการเดินหรือวิ่งบนอากาศ ขณะเดียวกัน มือจับด้านหน้าที่เคลื่อนที่ได้ จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แขนช่วยดึงและผลัก ทำให้เกิดการออกแรงทั้งช่วงล่าง ช่วงบน และกล้ามเนื้อแกนกลางในเวลาเดียวกัน ถือเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบ Total Body ที่ใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว เครื่องเดินวงรีจึงเหมาะกับคนที่ต้องการคาร์ดิโอแบบเผาผลาญทั้งตัว หรือคนที่มีปัญหาข้อเข่าและข้อเท้า เพราะเครื่องนี้ช่วยลดแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในขณะที่เครื่องปั่นวงรี หรือที่เรียกกันว่า Elliptical Bike จะเป็นเครื่องออกกำลังกายประเภทนั่งปั่น การเคลื่อนไหวของขาจะเป็นแนววงรีเหมือนกัน แต่ผู้เล่นจะนั่งอยู่กับที่ โดยวางเท้าบนแป้นปั่นแล้วเคลื่อนไหวในลักษณะกึ่งวงกลม หรือวงรีเล็กๆ คล้ายการปั่นจักรยาน ข้อดีของเครื่องปั่นวงรีคือเป็นเครื่องที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้พลังงานมากเท่าเครื่องเดินวงรี เพราะผู้เล่นจะนั่งปั่นอยู่กับที่ ใช้เพียงกล้ามเนื้อขาและสะโพกในการออกแรง ทำให้เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพร่างกายที่ไม่สามารถออกแรงมากได้

ถ้าถามว่าเครื่องไหนเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน คำตอบคือเครื่องเดินวงรี เพราะการออกแรงทั้งตัวช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เครื่องปั่นวงรีจะใช้พลังงานน้อยกว่า เพราะคุณนั่งอยู่กับที่และใช้แรงเฉพาะกล้ามเนื้อขาเท่านั้น ในแง่ของระยะเวลาการออกกำลังกาย เครื่องปั่นวงรีอาจจะเล่นได้นานกว่า เพราะไม่เหนื่อยเท่าเครื่องเดินวงรี แต่ในแง่ของประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันต่อหน่วยเวลา เครื่องเดินวงรีให้ผลดีกว่ามาก

อีกจุดที่ต่างกันอย่างชัดเจนคือเรื่องของพื้นที่ติดตั้ง เครื่องปั่นวงรีมักจะมีขนาดเครื่องที่เล็กกว่าพอสมควร ใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด แต่เครื่องเดินวงรีจะกินพื้นที่มากกว่า เพราะตัวเครื่องต้องออกแบบให้รองรับการเคลื่อนไหวทั้งแขนและขา รวมถึงมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือประสิทธิภาพการออกกำลังกายที่เหนือกว่า

สรุปง่ายๆ ว่า ถ้าเป้าหมายของคุณคือการออกกำลังกายเพื่อลดไขมัน เผาผลาญพลังงานจริงจัง และเพิ่มสมรรถภาพร่างกายทั้งตัว คุณควรเลือกเครื่องเดินวงรี แต่ถ้าคุณเป็นผู้สูงอายุ หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ เช่น เจ็บหลัง ปวดข้อ หรือไม่สามารถออกแรงมากได้ เครื่องปั่นวงรีจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า เพราะสามารถใช้งานแบบเบาๆ ได้โดยไม่เสี่ยงบาดเจ็บ

จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปูแน่น เครื่องเดินวงรีเหมาะกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการออกกำลังกายลดไขมันจริงๆ ในขณะที่เครื่องปั่นวงรีจะเหมาะสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการขยับร่างกายแบบเบาๆ ไม่ได้เน้นเผาผลาญพลังงานมากนัก ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการฟิตร่างกายให้แข็งแรง ลดไขมัน หรือเพิ่มสมรรถภาพแบบเห็นผลชัดเจน เครื่องเดินวงรีจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าและคุ้มค่ากว่ามากในระยะยาว

เครื่องออกกำลังกายทั้งสองประเภทนี้จึงตอบโจทย์เป้าหมายและสภาพร่างกายของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าคุณเลือกให้เหมาะกับตัวเองตั้งแต่ต้น คุณจะไม่เสียเงินซื้อผิดแน่นอน

เลือกเครื่องออกกำลังกายแบบไหน เหมาะกับเป้าหมายของคุณ

  1. ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “ลดไขมัน เผาผลาญสูงสุด” ต้องเลือกเครื่องเดินวงรี

เพราะเครื่องเดินวงรีออกแบบมาให้ใช้กล้ามเนื้อพร้อมกันทั้งตัว การออกแรงจากขาและแขนช่วยให้หัวใจทำงานหนักขึ้นในเวลาสั้นๆ ส่งผลให้อัตราการเผาผลาญพลังงานสูงกว่าการออกกำลังกายด้วยเครื่องประเภทนั่ง เช่น จักรยานปั่น หรือเครื่องปั่นวงรี เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ผู้ที่ตั้งใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายลดไขมัน ลดรอบเอว หรือเพิ่มความฟิตโดยรวม

  1. ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “แค่ขยับร่างกายเบา ๆ หรือฟื้นฟูร่างกาย” ควรเลือกเครื่องปั่นวงรี

เครื่องปั่นวงรีเหมาะกับกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดด้านร่างกาย เช่น มีอาการปวดข้อ เข่าไม่ดี หรืออยู่ในช่วงพักฟื้นหลังการบาดเจ็บ เครื่องนี้ช่วยให้ขยับร่างกายได้โดยไม่ต้องรับน้ำหนักตัว เพราะคุณจะนั่งปั่นอยู่กับที่ ใช้เฉพาะกล้ามเนื้อขาและสะโพก เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายเบาๆ วันละ 10-20 นาที เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตหรือขยับตัวเล็กน้อย ไม่เน้นออกแรงหนัก

  1. เครื่องเดินวงรีเหมาะกับคนที่ตั้งใจออกกำลังกายจริงจัง

ถ้าคุณเป็นคนที่อยากเห็นผลลัพธ์ ลดไขมันจริงจัง ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน เครื่องเดินวงรีตอบโจทย์มากกว่า เพราะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าทุกเครื่องคาร์ดิโออื่นๆ ในแง่ของการออกกำลังทั้งตัว เผาผลาญได้รวดเร็ว ใช้งานได้ทั้งแบบคาร์ดิโอทั่วไปและแบบ HIIT การใช้เครื่องเดินวงรีอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะช่วยให้คุณเปลี่ยนรูปร่างและพัฒนาสมรรถภาพร่างกายได้จริงในระยะเวลาไม่กี่เดือน

  1. เครื่องปั่นวงรีเหมาะกับคนที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ

สำหรับคนที่ข้อเข่าไม่ดี หลังมีปัญหา หรือไม่สามารถออกแรงหนักได้ เครื่องปั่นวงรีเป็นเครื่องที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่ต้องแบกรับน้ำหนักตัว ใช้เพียงขานั่งปั่นเบาๆ เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาระบบไหลเวียนเลือด ป้องกันข้อยึด หรือขยับร่างกายเบาๆ ในชีวิตประจำวัน

  1. เครื่องเดินวงรีเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าเครื่องปั่นวงรีหลายเท่า

จากประสบการณ์โค้ช หากลูกศิษย์ใช้เครื่องเดินวงรี 30 นาที จะเผาผลาญได้ประมาณ 300-500 แคลอรี (ขึ้นกับระดับความเข้มข้น) แต่ถ้าใช้เครื่องปั่นวงรีในระยะเวลาเท่ากัน พลังงานที่เผาผลาญจะอยู่ราว 150-200 แคลอรีเท่านั้น เพราะใช้แค่ขาออกแรงอย่างเดียว ต่างจากเครื่องเดินวงรีที่ใช้ทั้งตัว เผาผลาญได้มากกว่าในเวลาสั้นกว่า

  1. เครื่องเดินวงรีต้องใช้พื้นที่ติดตั้งมากกว่าเครื่องปั่นวงรี

เพราะเครื่องเดินวงรีมีมือจับเคลื่อนที่และวงเหยียบที่กว้างกว่า ตัวเครื่องต้องรองรับแรงเหยียบเต็มตัว ทำให้ขนาดเครื่องค่อนข้างใหญ่กว่าพอสมควร ถ้าคุณมีพื้นที่จำกัด เครื่องปั่นวงรีที่มีขนาดเล็กกว่าอาจเหมาะกว่า แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ในการออกกำลังกาย ควรจัดพื้นที่เพื่อวางเครื่องเดินวงรีโดยเฉพาะ

  1. เครื่องเดินวงรีคุ้มค่ากว่าในระยะยาว ถ้าเน้นออกกำลังกายจริงจัง

แม้ว่าเครื่องเดินวงรีอาจมีราคาสูงกว่า แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่า เพราะช่วยให้คุณลดไขมันและเพิ่มความฟิตได้จริง ออกกำลังกายได้ทั้งตัว เหมาะกับการฝึกอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี ถ้าคุณจริงจังและวางแผนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เครื่องเดินวงรีคือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด

  1. เครื่องปั่นวงรีคุ้มกว่าสำหรับคนที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย หรือเน้นออกกำลังกายเบา ๆ

สำหรับผู้สูงอายุ หรือคนที่มีข้อจำกัดจริง ๆ เครื่องปั่นวงรีจะใช้งานง่ายกว่า เล่นได้นานโดยไม่เมื่อย ใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องออกแรงเยอะ แต่ได้ขยับตัวเพียงพอในการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต เหมาะกับเป้าหมายรักษาสุขภาพขั้นพื้นฐานมากกว่าการลดไขมันแบบจริงจัง

สรุปสั้น ๆ จากโค้ชปูแน่นแบบชัดเจนที่สุด

  • อยากลดไขมันทั้งตัว เผาผลาญสูง ใช้งานจริงจัง = เลือกเครื่องเดินวงรี

  • อยากขยับเบา ๆ ไม่เน้นออกแรง ข้อเข่าไม่ดี = เลือกเครื่องปั่นวงรี

การดูแลรักษาเครื่องเดินวงรี (แนะนำโดยโค้ชปูแน่น)

  1. ทำความสะอาดพื้นผิวเครื่องหลังใช้งานทุกครั้ง

หลังใช้งานแต่ละครั้ง ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่อง โดยเฉพาะบริเวณแป้นวางเท้า มือจับ และจอควบคุม เพราะเหงื่อจากร่างกายที่ตกลงบนเครื่องจะมีความเป็นกรดเล็กน้อย หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดคราบฝังแน่นหรือทำลายพื้นผิวเครื่องในระยะยาว หากคุณใช้งานทุกวัน ควรเช็ดเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เครื่องดูใหม่และยืดอายุการใช้งาน

  1. หมั่นตรวจสอบลูกรอกและสายพานทุกเดือน

ลูกรอกและสายพานคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เครื่องเดินวงรีหมุนได้อย่างลื่นไหล หากปล่อยให้มีฝุ่นหรือเศษสิ่งสกปรกสะสม อาจทำให้เครื่องหมุนฝืดหรือเกิดเสียงดังผิดปกติ คุณควรตรวจสอบบริเวณใต้แป้นวางเท้าและบริเวณชุดขับเคลื่อนเดือนละครั้ง โดยใช้ผ้าแห้งหรือแปรงขนอ่อนปัดฝุ่นออกให้เรียบร้อย หากพบว่าลูกรอกหรือสายพานแห้ง ให้ปรึกษาช่างหรือศูนย์บริการ เพื่อเติมน้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมกับเครื่องแต่ละรุ่น

  1. ระวังอย่าใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน

ห้ามใช้น้ำยาล้างจาน น้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแรงในการทำความสะอาดเครื่อง เพราะจะทำลายพื้นผิวเคลือบของเครื่องและอาจทำลายส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้ใช้เพียงน้ำเปล่าหรือสเปรย์น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทางสำหรับเครื่องออกกำลังกายเท่านั้น

  1. ตรวจสอบระบบแรงต้านอย่างสม่ำเสมอ

ควรทดสอบระบบแรงต้านเป็นประจำ โดยลองปรับตั้งแต่แรงต้านต่ำสุดไปถึงสูงสุดทุกระดับ หากพบว่าแรงต้านไม่เปลี่ยนแปลง หรือมีอาการค้างในบางระดับ อาจมีปัญหาที่สายเคเบิลหรือระบบแม่เหล็กภายใน ให้แจ้งช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่ลุกลาม

  1. หมั่นเช็กข้อต่อและสกรูว่าแน่นดีหรือไม่

แรงเหยียบและแรงกดที่ถ่ายลงเครื่องทุกวัน อาจทำให้สกรูและข้อต่อบางส่วนคลายตัว หากปล่อยไว้อาจทำให้เครื่องโยกหรือเกิดเสียงดัง ควรตรวจสอบความแน่นของสกรูและข้อต่อทุก ๆ 1-2 เดือน โดยเฉพาะบริเวณฐานเครื่องและจุดยึดมือจับ หากพบว่าสกรูคลายตัวให้ขันให้แน่นทันที

  1. ไม่ควรวางเครื่องในที่อับชื้นหรือแดดจัด

สถานที่ติดตั้งเครื่องควรเป็นพื้นที่อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น และไม่มีแสงแดดจัดส่องโดยตรง เพราะความชื้นสะสมจะทำให้เกิดสนิมและความร้อนจากแสงแดดจะทำให้พลาสติกหรือวัสดุเคลือบบางส่วนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากเป็นไปได้ควรวางเครื่องในห้องแอร์หรือห้องออกกำลังกายโดยเฉพาะ

  1. ใช้ปลั๊กไฟแยกเฉพาะเครื่อง ไม่ใช้ปลักรวมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น

สำหรับเครื่องที่มีระบบไฟฟ้า เช่น ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้า หรือหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ควรเสียบปลั๊กไฟเฉพาะเครื่อง ไม่ควรใช้ปลักรางร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟกระชากหรือไฟตกที่อาจทำให้แผงวงจรเสียหาย

  1. เรียกช่างตรวจสภาพเครื่องปีละ 1 ครั้ง

แม้จะดูแลรักษาเองเป็นประจำ แต่โค้ชแนะนำให้เรียกช่างหรือศูนย์บริการเข้ามาตรวจสภาพเครื่องแบบละเอียดปีละครั้ง โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้งานหนักทุกวัน การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจะช่วยยืดอายุเครื่องให้ใช้งานได้ยาวนาน 5-10 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงบ่อยครั้งในอนาคต

เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ลงทุนครั้งเดียว แต่ถ้าคุณดูแลถูกวิธี จะใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ โค้ชปูแน่นแนะนำให้ทำตาม 8 ข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เครื่องของคุณลื่น เงียบ และปลอดภัยเหมือนใหม่ทุกวันครับ

 

ตารางแนะนำการบำรุงรักษารายเดือนและแก้ปัญหาเบื้องต้น (โค้ชปูแน่นแนะนำ)

  1. ตรวจสอบและทำความสะอาดพื้นผิวเครื่อง ทุกวันหลังใช้งาน

ทุกครั้งหลังการออกกำลังกาย ควรเช็ดเครื่องให้สะอาด โดยเฉพาะแป้นเหยียบ มือจับ และจอควบคุม เพื่อกำจัดเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้พื้นผิวเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เท่านั้น หลีกเลี่ยงน้ำยากัดกร่อน

  1. เช็กแรงต้านและระบบแม่เหล็ก เดือนละครั้ง

ให้ลองหมุนแรงต้านทีละระดับตั้งแต่ต่ำสุดถึงสูงสุด แล้วเหยียบเครื่องดูว่าการตอบสนองปกติหรือไม่ หากแรงต้านไม่เปลี่ยนแปลง หรือรู้สึกผิดปกติในบางระดับ อาจมีปัญหาที่ระบบแม่เหล็กหรือสายเคเบิล ควรเรียกช่างตรวจสอบทันที

  1. ปัดฝุ่นบริเวณลูกรอกและสายพาน เดือนละครั้ง

บริเวณใต้แป้นเหยียบและชุดสายพาน เป็นจุดที่ฝุ่นและเศษสิ่งสกปรกมักสะสม ควรใช้แปรงขนอ่อนหรือผ้าแห้งทำความสะอาดเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้เครื่องหมุนลื่นและเงียบ หากพบว่าฝืดหรือมีเสียงผิดปกติ ควรให้ช่างเติมน้ำมันหล่อลื่นเฉพาะจุด

  1. ตรวจสอบเสียงผิดปกติของเครื่อง ทุกสัปดาห์

ขณะใช้งาน ให้สังเกตว่ามีเสียงโลหะเสียดสี หรือเสียงดังผิดปกติบริเวณแป้นเหยียบหรือส่วนประกอบใดหรือไม่ หากพบเสียงแปลก ควรหยุดใช้งานและให้ช่างตรวจเช็กเครื่องทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่ใหญ่ขึ้น

  1. ตรวจความแน่นของสกรูและข้อต่อ ทุก 2 เดือน

แรงเหยียบต่อเนื่องอาจทำให้สกรูและข้อต่อคลายตัว ตรวจสอบและขันสกรูให้แน่นทุก 1-2 เดือน โดยเฉพาะบริเวณฐานเครื่อง มือจับ และจุดหมุน เพื่อป้องกันเครื่องโยกหรือเกิดเสียงดังระหว่างใช้งาน

  1. ตรวจระบบหน้าจอและฟังก์ชันไฟฟ้า ทุก 2 เดือน

ลองกดปุ่มควบคุมหน้าจอ ตรวจสอบการแสดงผลของตัวเลขและโปรแกรมทั้งหมด หากจอดับบางส่วนหรือตัวเลขแสดงผิดปกติ อาจมีปัญหาวงจรไฟฟ้าภายใน ควรให้ช่างตรวจเช็กทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

  1. เรียกช่างตรวจสภาพเครื่องแบบละเอียด ทุก 12 เดือน (ปีละครั้ง)

แม้เครื่องจะไม่มีปัญหาใด ๆ แต่โค้ชปูแน่นแนะนำให้เรียกช่างหรือศูนย์บริการมาตรวจสภาพเครื่องอย่างละเอียดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ช่างจะตรวจระบบภายใน เช่น ลูกปืน ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า และสายพาน เพื่อทำการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องให้ใช้งานได้อีกหลายปี

  1. วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเมื่อพบเครื่องเสียงดังหรือแรงต้านค้าง
  • กรณีเครื่องมีเสียงดัง ให้ตรวจว่ามีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกติดใต้แป้นเหยียบหรือไม่ ถ้ามีให้ทำความสะอาดทันที หากไม่หาย เสียงอาจมาจากระบบลูกรอก ควรหยุดใช้งานและเรียกช่างตรวจเช็ก

  • กรณีแรงต้านค้างหรือไม่เปลี่ยน ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่เพื่อตรวจสอบระบบไฟฟ้า หากยังไม่หาย อาจมีปัญหาสายเคเบิลหรือระบบแม่เหล็ก ต้องให้ช่างเข้าดูแล

หากคุณดูแลเครื่องเดินวงรีตามตารางนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เครื่องของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และลดความเสี่ยงที่จะต้องซ่อมแซมด้วยค่าใช้จ่ายสูงในอนาคตได้อย่างแน่นอน โค้ชปูแน่นยืนยันว่า เครื่องเดินวงรีที่ดูแลดี สามารถใช้งานได้เกิน 10 ปีแบบไม่มีปัญหาครับ

 

รีวิวจากผู้ใช้จริง (Pantip และแหล่งข้อมูลอื่น)

  1. ผู้ใช้จริงส่วนใหญ่ชื่นชอบเพราะ “ข้อเข่าไม่เจ็บ แต่เผาผลาญดี”

จากกระทู้รีวิวใน Pantip และฟอรั่มต่าง ๆ ส่วนใหญ่ผู้ใช้งานยืนยันว่าเครื่องเดินวงรีช่วยให้สามารถออกกำลังกายได้โดยไม่มีอาการปวดเข่าหรือข้อเท้า ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคนที่วิ่งบนลู่วิ่งหรือวิ่งจริง ผู้หญิงหลายคนที่มีน้ำหนักตัวมากและมีอาการเจ็บเข่ามาก่อน ได้ลองเปลี่ยนมาใช้เครื่องเดินวงรีแล้วพบว่าสามารถออกกำลังกายได้สม่ำเสมอมากขึ้น เพราะไม่รู้สึกเจ็บข้ออีกต่อไป และสามารถเล่นได้นานกว่าเครื่องอื่น

  1. หลายคนประสบปัญหา “เครื่องราคาถูก ใช้แล้วไม่ฟิน”

ในกลุ่มคนที่ซื้อเครื่องเดินวงรีราคาถูก (ต่ำกว่า 20,000 บาท) ส่วนใหญ่รีวิวว่าเครื่องหมุนฝืด แรงต้านเพี้ยน หรือระบบจับแขนขยับเองโดยไม่ต้องออกแรงจริง ทำให้รู้สึกว่าเหยียบไปก็ไม่ออกแรงจริงจัง ผลลัพธ์ที่ได้จึงน้อยกว่าที่คาดไว้ และเลิกใช้งานไปในที่สุด เพราะรู้สึกเบื่อและไม่สนุกกับการออกกำลังกาย โค้ชปูแน่นแนะนำเสมอว่า หากจะลงทุนกับเครื่องเดินวงรี ควรเลือกเครื่องที่มีระบบแรงต้านแม่เหล็กหรือแม่เหล็กไฟฟ้า และโครงสร้างแข็งแรงเท่านั้น

  1. กลุ่มคนลดน้ำหนัก รีวิวว่า “ช่วยให้คุมโซนหัวใจได้ดี”

ผู้ใช้จริงหลายคนรีวิวตรงกันว่า เครื่องเดินวงรีช่วยให้ออกกำลังกายอยู่ในโซนเผาผลาญไขมันได้ง่ายกว่าเครื่องอื่น เพราะไม่มีจังหวะกระแทกเหมือนวิ่งบนลู่วิ่ง จึงสามารถรักษาอัตราการเต้นหัวใจในระดับ 60-75% ได้อย่างต่อเนื่องนานกว่า ทำให้เผาผลาญไขมันได้ดีต่อเนื่องทั้งช่วงการออกกำลังกายและช่วงหลังออกกำลัง (EPOC)

  1. คำเตือนจากผู้ใช้จริง “หากซื้อเครื่องราคาต่ำเกินไป อาจไม่ได้ใช้”

ใน Pantip มีหลายกระทู้รีวิวเตือนว่า เครื่องเดินวงรีราคาถูกที่มีแรงต้านไม่พอ หรือใช้วัสดุคุณภาพต่ำ จะทำให้การเคลื่อนไหวรู้สึกฝืดหรือสะดุด เหยียบไปไม่ลื่น ทำให้เล่นได้ไม่นานก็เบื่อ เครื่องโยก เสียงดัง สุดท้ายกลายเป็นราวตากผ้า ผู้ใช้จริงส่วนหนึ่งยืนยันว่า หากตั้งใจซื้อเพื่อใช้งานจริง ควรเลือกเครื่องในระดับ 40,000 บาทขึ้นไป เพื่อให้ได้เครื่องที่ใช้ดีและเล่นได้นานจริง

  1. ผู้ที่มีปัญหาข้อเข่ารีวิวว่า “เป็นเครื่องที่ทำให้กลับมาออกกำลังกายได้”

มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในกลุ่มผู้สูงวัยและคนที่มีปัญหาข้อเข่าหรือปวดข้อสะโพกว่า เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องเดียวที่ช่วยให้พวกเขาสามารถออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ปวดเข่า ทำให้สามารถออกกำลังทุกวันและมีสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

  1. ผู้ใช้ที่เน้นฟิตหุ่น รีวิวว่า “เป็นเครื่องเบิร์นไขมันทั้งตัวที่ดีที่สุดในฟิตเนส”

ลูกค้าหลายคนในฟิตเนสรีวิวตรงกันว่า หากใช้เครื่องเดินวงรีแบบถูกวิธี ใช้แขนออกแรงจริง เล่นต่อเนื่องครั้งละ 30-45 นาที จะรู้สึกว่าทั้งตัวทำงาน ไม่ใช่แค่ขาเหมือนลู่วิ่งหรือจักรยาน ผลที่ได้คือเบิร์นได้ทั้งตัวแบบเต็มระบบในเครื่องเดียว จึงเหมาะกับคนที่เน้นลดไขมันทั้งตัวหรือทำฟิตหุ่นแบบจริงจัง

สรุปจากรีวิวผู้ใช้จริง (โดยโค้ชปูแน่น)

  • เครื่องเดินวงรี “เหมาะกับคนที่ต้องการออกกำลังกายจริงจังแต่มีปัญหาข้อ”

  • คนที่ซื้อเครื่องราคาถูกเกินไป ส่วนใหญ่ “เลิกใช้” เพราะเล่นแล้วไม่ฟิน

  • ถ้าเลือกเครื่องดี ๆ เล่นถูกวิธี เครื่องนี้ “เบิร์นทั้งตัว และคุมหัวใจได้ดีที่สุด”

 

คำแนะนำและคำเตือนจากผู้ใช้งานจริง

  1. เครื่องราคาถูกมักกลายเป็นที่ตากผ้าในเวลาไม่นาน

ผู้ใช้จริงหลายคนแชร์ประสบการณ์ตรงว่าหากเลือกเครื่องราคาต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 20,000 บาท) เครื่องจะมีแรงต้านน้อยมาก ปรับได้ไม่ละเอียด เคลื่อนไหวฝืดหรือขาดความลื่น เสียงดังเวลาใช้งาน และไม่มีแรงต้านแขนจริง ทำให้เล่นแล้วไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเผาผลาญได้จริง ผู้ใช้หลายคนเลิกใช้เพราะรู้สึก “เล่นแล้วไม่สนุก” และสุดท้ายกลายเป็นที่แขวนผ้าภายในไม่กี่เดือน

  1. เครื่องที่ไม่มีแรงต้านแขนจริง ทำให้ไม่ได้เผาผลาญเต็มประสิทธิภาพ

จากรีวิวผู้ใช้จริงใน Pantip และโค้ชเองก็พบในฟิตเนสว่า เครื่องเดินวงรีบางรุ่นราคาถูก มือจับเคลื่อนที่ไปเองโดยไม่ต้องออกแรงแขนจริง นั่นหมายความว่าคุณกำลังออกแรงแค่ขา และสูญเสียประโยชน์หลักของเครื่องเดินวงรีที่ออกแบบให้เป็นการฝึกแบบทั้งตัว ผู้ใช้หลายคนบอกว่าเมื่อเปลี่ยนมาใช้เครื่องที่แขนต้องออกแรงดึงจริง ผลลัพธ์เปลี่ยนทันที รู้สึกเผาผลาญได้ดีกว่า และออกเหงื่อได้เร็วกว่า

  1. ผู้ใช้มือใหม่หลายคนเล่นผิดวิธีจนเสียประสิทธิภาพ

ในกลุ่มผู้เริ่มต้น มีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยมาก คือการใช้เครื่องแบบเหยียบเร็ว ๆ โดยไม่ตั้งแรงต้าน และไม่ออกแรงแขน มือจับแค่พยุงตัว ทำให้เครื่องไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้เต็มที่ ผู้ใช้หลายคนที่รู้สึกว่าเครื่องไม่เห็นลดไขมัน จริง ๆ แล้วคือใช้งานผิดวิธี เมื่อได้รับคำแนะนำว่าต้องเพิ่มแรงต้านระดับกลาง ใช้แขนดึงจริง และควบคุมจังหวะเหยียบ ร่างกายจึงเริ่มเปลี่ยนแปลง

  1. เครื่องเดินวงรีช่วยฟื้นฟูผู้มีปัญหาข้อเข่าได้จริง แต่ต้องเลือกเครื่องดีพอ

รีวิวจากผู้ใช้งานกลุ่มมีปัญหาข้อเข่า พบว่าเครื่องเดินวงรีเป็นตัวเลือกเดียวที่ทำให้สามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ปวดเข่า เพราะไม่มีแรงกระแทก แต่คำเตือนคือ หากซื้อเครื่องราคาถูกหรือเครื่องเลียนแบบ อาจได้วงเหยียบที่ไม่ถูกหลักสรีรศาสตร์ และมีแรงต้านที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้ข้อเข่าถูกบิดหรือใช้งานผิดทิศทาง กลายเป็นทำร้ายข้อแทนที่จะฟื้นฟู ดังนั้นผู้มีปัญหาข้อเข่าควรเลือกเครื่องดีพอเท่านั้น

  1. การบำรุงรักษาเครื่องอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ใช้งานได้นานจริง

ผู้ใช้จริงหลายคนแชร์ว่าหากดูแลรักษาเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เครื่องเดินวงรีสามารถใช้งานได้นานกว่า 5-8 ปี โดยไม่มีปัญหาใหญ่ แต่ถ้าปล่อยให้มีฝุ่นสะสม ไม่เช็ดเครื่องหลังใช้ หรือปล่อยให้เสียงดังจากลูกรอกโดยไม่ซ่อม เครื่องจะพังเร็วกว่าปกติ การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจึงสำคัญมาก

  1. เครื่องที่ดีต้องมีแรงต้านเพียงพอ เล่นแล้วรู้สึกได้ออกแรงจริง

ผู้ใช้หลายคนแนะนำตรงกันว่า เครื่องเดินวงรีที่ดีควรทำให้รู้สึกว่า “ได้ออกแรงจริง” ตั้งแต่ช่วงแขน ขา ไปจนถึงแกนกลางลำตัว แรงต้านต้องปรับได้หลายระดับ ให้คุณสร้างความท้าทายกับร่างกาย ไม่ใช่แค่เหยียบเล่นไปเรื่อย ๆ แบบไม่ได้ออกแรง หากเครื่องทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ปั่นจักรยานเบา ๆ แปลว่าเครื่องนั้นผิดวัตถุประสงค์ ควรหลีกเลี่ยง

  1. เครื่องที่มีบริการหลังการขายชัดเจนสำคัญกว่าราคาถูก

จากประสบการณ์จริงของผู้ซื้อในหลายฟอรั่ม หลายคนเสียใจหลังซื้อเครื่องราคาถูกที่ไม่มีศูนย์บริการในประเทศ หรือไม่มีอะไหล่สำรอง เมื่อตัวเครื่องเสียแม้เพียงเล็กน้อย เช่น สายเคเบิลหรือจอแสดงผล ก็ไม่สามารถซ่อมได้ ต้องทิ้งทั้งเครื่องและซื้อใหม่ ผู้ใช้จริงหลายคนแนะนำว่าควรเลือกเครื่องที่มีศูนย์บริการชัดเจนในประเทศ มีทีมช่าง มีอะไหล่พร้อม เพื่อให้เครื่องที่คุณลงทุนอยู่กับคุณได้หลายปี

สรุปจากคำแนะนำและคำเตือนผู้ใช้งานจริง

  • “ซื้อเครื่องราคาถูก ใช้ไม่สนุก สุดท้ายไม่ได้ใช้”

  • “เลือกเครื่องที่มีแรงต้านแขนและขาจริง จะเผาผลาญได้ทั้งตัว”

  • “ใช้งานผิดวิธี = เสียเวลา ไม่ลดไขมัน”

  • “มีปัญหาข้อเข่าต้องเลือกเครื่องที่ดีพอ ไม่ใช่แค่ราคาถูก”

  • “ดูแลเครื่องดี เครื่องดีๆ ใช้ได้นานหลายปี”

เครื่องเดินวงรีเหมาะสำหรับใครบ้าง? (โค้ชปูแน่นแนะนำ)

  1. เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันทั้งตัวอย่างจริงจัง

เครื่องเดินวงรีออกแบบมาเพื่อให้กล้ามเนื้อทั้งร่างกายทำงานพร้อมกัน ทั้งขา แขน ไหล่ และแกนกลาง การใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกันช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายที่ใช้เฉพาะช่วงล่างอย่างจักรยาน หรือการเดินบนลู่วิ่ง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเป้าหมายลดน้ำหนัก ลดไขมันทั่วร่างกาย หรือต้องการกระชับรูปร่างโดยไม่เน้นเพิ่มกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน

  1. เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า ข้อเท้า หรือเจ็บหลัง

ผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าอักเสบ เจ็บข้อเท้า หรือปวดหลังจากการวิ่งหรือเดินจริง จะได้รับประโยชน์จากเครื่องเดินวงรีอย่างมาก เพราะเครื่องนี้ช่วยลดแรงกระแทกได้เกือบ 100% เท้าจะวางอยู่บนแป้นเหยียบตลอดเวลา ไม่มีจังหวะกระแทกพื้นเหมือนการวิ่ง ทำให้ข้อไม่ต้องรับแรงกระแทกซ้ำ ๆ เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายต่อเนื่องแต่ไม่สามารถใช้งานลู่วิ่งหรือจักรยานแบบเดิมได้

  1. เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด แต่อยากออกกำลังกายให้ได้ผล

เครื่องเดินวงรีช่วยให้การออกกำลังกายครั้งละ 20-30 นาทีมีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกันและควบคุมหัวใจให้อยู่ในโซนเป้าหมายได้ง่าย จึงเหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย เช่น คนทำงานออฟฟิศ แม่บ้าน หรือคนเมืองที่อยากออกกำลังแค่วันละ 20-40 นาที แต่ได้ผลจริง

  1. เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อง่ายกับคาร์ดิโอแบบเดิม ๆ

ใครที่เบื่อกับการเดินบนลู่วิ่งหรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ เครื่องเดินวงรีจะช่วยให้คุณรู้สึกสนุกมากขึ้น เพราะมีทั้งจังหวะการเหยียบ การดึงและผลักด้วยแขน และการควบคุมจังหวะด้วยตัวเอง เครื่องนี้ช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนกำลัง “ออกแรงจริง” กับทุกส่วนของร่างกาย พร้อมทั้งรักษาโซนหัวใจในระดับที่กำหนดได้ง่าย

  1. เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ยังเดินเหินเองได้ ต้องการคาร์ดิโอแบบเบา

แม้ว่าเครื่องเดินวงรีจะเหมาะกับคนทั่วไปที่ต้องการออกกำลังกายจริงจัง แต่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังเดินเหินปกติและต้องการออกกำลังกายแบบลดแรงกระแทก เครื่องเดินวงรีก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน สามารถใช้ฝึกแบบเบา ๆ ด้วยแรงต้านต่ำ โดยไม่มีแรงกระแทกที่เป็นอันตรายต่อข้อ เครื่องนี้เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาสมรรถภาพหัวใจและกล้ามเนื้อระดับหนึ่งโดยไม่เสี่ยงเจ็บข้อ

  1. เหมาะสำหรับผู้ฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ (หลังปรึกษาแพทย์หรือกายภาพ)

หลังการบาดเจ็บข้อเข่าหรือข้อเท้า หากแพทย์หรือกายภาพอนุญาตให้กลับมาออกกำลังกายได้ เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องแรกที่มักถูกแนะนำ เพราะไม่มีแรงกระแทกที่ข้อต่อ ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนเลือดได้อย่างปลอดภัย สามารถใช้งานในระยะฟื้นฟูจนกลับมาออกกำลังกายเต็มรูปแบบได้อีกครั้ง

  1. เหมาะสำหรับฟิตเนสเทรนเนอร์หรือผู้ที่มีเป้าหมายแข่งขันในอนาคต

ในกรณีเทรนเนอร์หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มสมรรถภาพร่างกายอย่างจริงจัง เครื่องเดินวงรีสามารถใช้เป็นเครื่องฝึก HIIT ควบคู่กับเวทเทรนนิ่งเพื่อเร่งการเผาผลาญและพัฒนาระบบหัวใจ-หลอดเลือดให้พร้อมกับการแข่งขันหรือการลดไขมันเข้าสู่การประกวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปง่าย ๆ

  • ถ้า “อยากลดไขมัน เผาผลาญสูงสุด” → เครื่องเดินวงรีเหมาะกับคุณ

  • ถ้า “เจ็บข้อ แต่ยังอยากคาร์ดิโอ” → เครื่องเดินวงรีคือทางออก

  • ถ้า “ออกกำลังนาน ๆ ไม่ไหว แต่อยากฟิตตัว” → เครื่องเดินวงรีตอบโจทย์ที่สุด

 

วิธีเลือกซื้อและใช้งานเครื่องเดินวงรีให้คุ้มค่าที่สุด (แนะนำโดยโค้ชปูแน่น)

  1. เลือกเครื่องจากงบประมาณและเป้าหมายการใช้งานเป็นหลัก

หากคุณใช้งานเพื่อออกกำลังกายจริงจังอย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ โค้ชปูแน่นแนะนำให้ลงทุนกับเครื่องในระดับกลางถึงสูง (ราคาเริ่ม 40,000 บาทขึ้นไป) เพราะวัสดุและระบบแรงต้านจะดีกว่า ใช้งานได้นาน และออกกำลังได้จริง ส่วนถ้าคุณใช้งานเบา ๆ สัปดาห์ละ 1-2 วัน เครื่องระดับเริ่มต้นที่วัสดุแข็งแรงพอประมาณก็อาจเพียงพอ อย่าซื้อจากราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรซื้อจากเป้าหมายใช้งานของตัวเอง

  1. เลือกเครื่องที่ใช้ระบบแรงต้านแม่เหล็กหรือแม่เหล็กไฟฟ้า

ระบบแรงต้านแม่เหล็กให้ความลื่นและแรงต้านที่เสถียรกว่าเครื่องราคาถูกที่ใช้สายพานหรือระบบกลไกแบบโบราณ ยิ่งถ้าเป็นระบบแม่เหล็กไฟฟ้า (EMS) จะควบคุมแรงต้านได้แม่นยำและใช้งานง่ายกว่าในระยะยาว เครื่องที่แรงต้านไม่ละเอียดจะทำให้คุณออกแรงได้ไม่เต็มที่ เผาผลาญไม่ดี และเสียโอกาสในการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ใช้แขนออกแรงจริงทุกครั้ง

เมื่อใช้งาน อย่าแค่จับมือจับเพื่อพยุงตัว ควรใช้แขนดึงและผลักอย่างตั้งใจทุกจังหวะ เพราะการออกแรงจากแขนช่วยให้กล้ามเนื้อช่วงบนทำงาน และเพิ่มการเผาผลาญทั้งตัว หากคุณใช้แต่ขา เหมือนคุณใช้เพียงครึ่งหนึ่งของเครื่องนี้เท่านั้น

  1. ปรับแรงต้านให้เหมาะสมกับระดับตัวเอง

อย่าเหยียบแบบไม่มีแรงต้านหรือเหยียบเร็วเกินไปโดยตั้งแรงต้านต่ำตลอดเวลา การออกกำลังกายด้วยแรงต้านที่ถูกต้องและเพิ่มขึ้นตามระดับจะช่วยให้ร่างกายพัฒนาสมรรถภาพและเผาผลาญไขมันได้จริง หากคุณออกแรงแล้วไม่เหนื่อยเลย นั่นแปลว่าคุณใช้เครื่องไม่ถูกวิธี

  1. ฝึกใช้งานเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

แม้เครื่องจะดีแค่ไหน ถ้าไม่ได้ใช้งานก็ไม่มีประโยชน์ โค้ชแนะนำให้ตั้งตารางออกกำลังกายให้ชัดเจน เช่น เล่นสัปดาห์ละ 3-5 วัน ครั้งละ 20-40 นาที โดยปรับความเข้มข้นตามสมรรถภาพและเป้าหมาย ไม่ต้องเร่งรีบ ใช้ความสม่ำเสมอเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์

  1. หมั่นดูแลรักษาเครื่องตามคำแนะนำของผู้ผลิต

การดูแลรักษาเครื่องเป็นสิ่งสำคัญ ใช้ผ้าเช็ดตัวเครื่องทุกครั้งหลังใช้งาน ตรวจสอบเสียงผิดปกติ หรือแรงต้านค้างอย่างสม่ำเสมอ อย่ารอให้เครื่องพังแล้วค่อยซ่อม เพราะเครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องลงทุนระยะยาว ยิ่งดูแลดี เครื่องก็อยู่กับคุณได้นานหลายปี

  1. เลือกแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายและอะไหล่ในประเทศ

อย่าเลือกเครื่องจากแบรนด์ที่ไม่มีศูนย์บริการหรือทีมช่างในประเทศ เพราะเมื่อเครื่องเสีย คุณจะไม่มีทางซ่อมได้และต้องซื้อเครื่องใหม่ โค้ชแนะนำเลือกแบรนด์ที่มีรับประกันชัดเจน มีอะไหล่ และทีมช่างที่ให้บริการหลังการขายจริง

  1. เลือกเครื่องให้เหมาะกับพื้นที่วางและสไตล์การใช้งาน

ก่อนซื้อ ควรวัดพื้นที่ติดตั้งจริง และพิจารณาว่าคุณต้องการเครื่องที่พับเก็บได้หรือไม่ หากพื้นที่จำกัด ให้เลือกเครื่องที่ขนาดเล็กลงมา แต่ยังคงระบบแรงต้านและโครงสร้างที่แข็งแรงพอสำหรับการใช้งานจริงจัง อย่าเลือกเพราะเห็นว่าเครื่องเล็กและราคาถูกอย่างเดียว เพราะเครื่องนั้นอาจไม่ตอบโจทย์คุณเลย

สรุปโดยโค้ชปูแน่น

  • “ซื้อเครื่องที่เหมาะกับเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ราคาถูก”

  • “ใช้งานด้วยการออกแรงจริง เล่นเป็นประจำ”

  • “ดูแลรักษาเครื่อง แล้วเครื่องจะอยู่กับคุณนานเกิน 10 ปี”

 

เลือกดูเครื่องเดินวงรี Homefitools, Johnson และ แบรนด์อื่นๆได้ที่นี่

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องเดินวงรี (FAQ)

  1. เครื่องเดินวงรีช่วยลดพุงหรือลดขาได้จริงไหม?

คำตอบตรง ๆ จากโค้ชปูแน่น คือ เครื่องเดินวงรีไม่ได้ช่วยลดเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะพุง ต้นขา หรือต้นแขน เพราะการเผาผลาญไขมันเกิดขึ้นทั้งตัวพร้อมกัน แต่จุดเด่นของเครื่องเดินวงรี คือเป็นคาร์ดิโอแบบ Full-body ใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้ได้ต่อเนื่อง เมื่อเล่นสม่ำเสมอ ไขมันจะลดลงทั้งตัวตามพันธุกรรมและรูปแบบร่างกายของแต่ละคน คุณอาจเห็นหน้าท้องลดลงหรือขากระชับขึ้นได้จริง แต่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ

  1. เครื่องเดินวงรีเผาผลาญได้มากแค่ไหน?

ในคนทั่วไป น้ำหนัก 55-70 กิโลกรัม การใช้เครื่องเดินวงรี 30 นาที เผาผลาญได้ประมาณ 250-500 แคลอรี่ ขึ้นกับระดับแรงต้านและความเร็วในการเหยียบ เครื่องนี้เผาผลาญได้ใกล้เคียงกับลู่วิ่ง แต่มีข้อดีคือแรงกระแทกต่ำกว่า จึงเล่นได้นานกว่าโดยไม่เสี่ยงเจ็บข้อ

  1. เครื่องเดินวงรีเหมาะกับมือใหม่ไหม?

เหมาะมาก โดยเฉพาะคนที่เริ่มออกกำลังกาย แต่มีปัญหาข้อเข่าหรือข้อเท้า เพราะลดแรงกระแทกเกือบ 100% คุณสามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันแรก ปรับแรงต้านต่ำและค่อย ๆ เพิ่มเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น

  1. ใช้เครื่องเดินวงรีวันละกี่นาทีจึงเห็นผล?

โค้ชแนะนำให้เล่นอย่างน้อยครั้งละ 20-40 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน เพื่อผลลัพธ์ในการลดไขมันและเพิ่มสมรรถภาพร่างกายอย่างชัดเจน ใครที่มีเวลาไม่มาก ควรเน้นสม่ำเสมอมากกว่าความนานในการเล่น

  1. เครื่องเดินวงรีเสียงดังผิดปกติ ควรทำอย่างไร?

หากเครื่องมีเสียงดังครืดคราด หรือเสียงโลหะเสียดสีกัน อาจเกิดจากฝุ่นสะสมในลูกรอกหรือสายพาน หรือข้อต่อคลายตัว ควรหยุดใช้งานและทำความสะอาด ตรวจสอบความแน่นของสกรู หากไม่หาย ให้ติดต่อศูนย์บริการทันที อย่าฝืนใช้งาน เพราะอาจทำให้เครื่องพังเร็วขึ้น

  1. เครื่องเดินวงรีใช้พื้นที่ติดตั้งเท่าไหร่?

ส่วนใหญ่เครื่องเดินวงรีใช้พื้นที่ประมาณ 150-200 เซนติเมตร (ยาว) x 60-80 เซนติเมตร (กว้าง) ควรเผื่อพื้นที่รอบตัวอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อการขึ้น-ลงเครื่องได้สะดวก

  1. จำเป็นต้องซื้อเครื่องแพงไหม?

ไม่จำเป็น แต่ควรเลือกเครื่องที่ “เหมาะกับเป้าหมาย” หากคุณออกกำลังกายจริงจัง เล่นสัปดาห์ละหลายวัน ควรเลือกเครื่องระดับกลางถึงสูง เพื่อความลื่น ความทนทาน และแรงต้านที่เพียงพอ แต่ถ้าใช้งานแค่เบา ๆ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เครื่องระดับเริ่มต้นก็เพียงพอ เลี่ยงเครื่องราคาถูกมาก เพราะจะไม่ได้แรงต้านแขนจริง เล่นไม่สนุก และเลิกใช้ในที่สุด

  1. เครื่องเดินวงรีต่างจากเครื่องปั่นวงรียังไง?

เครื่องเดินวงรีใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว ออกแรงทั้งแขน ขา และแกนกลาง ใช้พลังงานมากกว่า เหมาะกับการลดไขมันและเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย แต่เครื่องปั่นวงรี (Elliptical Bike) ใช้เฉพาะกล้ามเนื้อขา เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือคนที่มีปัญหาข้ออย่างหนักที่ไม่สามารถยืนออกกำลังได้

โค้ชปูแน่นตอบแบบตรงไปตรงมาในฐานะเทรนเนอร์นะครับ ว่าเครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันทั้งตัวอย่างจริงจัง แต่ต้องเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับเป้าหมาย และใช้งานอย่างถูกวิธี พร้อมดูแลรักษาให้ดี เครื่องนี้จะช่วยคุณเปลี่ยนรูปร่างได้จริงในระยะยาวแน่นอนครับ


บทความนี้เขียนโดย...


โค้ชปูแน่น

โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)


เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ

โปรไฟล์โค้ชปูแน่น

บทความทั้งหมด