เครื่องเดินวงรี VS จักรยานออกกำลังกาย (Stationary Bike)
เครื่องเดินวงรี VS จักรยานออกกำลังกาย (Stationary Bike)
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังชั่งใจระหว่าง “เครื่องเดินวงรี” และ “จักรยานอยู่กับที่” ว่าเครื่องไหนช่วยลดไขมัน เผาผลาญแคลอรี่ และดูแลข้อต่อได้ดีที่สุด...
โค้ชปูแน่นขอบอกเลยครับว่า คำตอบไม่ได้ง่ายแบบขาว-ดำ แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสภาพร่างกายของคุณ
ดังนั้น ในฐานะโค้ชที่ติดตั้งเครื่องจริงให้ฟิตเนสมาหลายแห่ง และเทรนลูกศิษย์หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย
โค้ชขออธิบายเปรียบเทียบแบบละเอียดที่สุดให้คุณเข้าใจ
เปรียบเทียบการเผาผลาญพลังงาน
งานวิจัยโดย American Council on Exercise (ACE, 2020)
ศึกษาการเผาผลาญแคลอรี่ของผู้ใช้งานจริง (กลุ่มอาสาสมัคร 30 คน ชาย-หญิง) ในระยะเวลา 30 นาที พบว่า
ประเภทเครื่อง |
แคลอรี่ที่เผาผลาญ (30 นาที) |
เครื่องเดินวงรี |
280-340 kcal |
จักรยานอยู่กับที่ |
220-280 kcal |
ข้อสรุป เครื่องเดินวงรี เผาผลาญพลังงานมากกว่าจักรยานอยู่กับที่เฉลี่ย 15-25% ในช่วงเวลาเดียวกัน
สาเหตุหลัก เครื่องเดินวงรีใช้กล้ามเนื้อช่วงบน + ช่วงล่าง ร่วมกับกล้ามเนื้อแกนกลาง ทำให้ใช้พลังงานมากกว่า
ความแตกต่างเชิงสรีรวิทยาและกลไกการเคลื่อนไหว
ปัจจัย |
เครื่องเดินวงรี |
จักรยานอยู่กับที่ |
ลักษณะการเคลื่อนไหว |
ยืน เหยียบ วงรี |
นั่ง ปั่นวงกลม |
กล้ามเนื้อที่ทำงาน |
ขา ก้น แขน หลัง ไหล่ Core |
ขา ก้น เท่านั้น |
แรงกระแทกข้อต่อ |
ต่ำมาก (แต่มีบ้าง) |
ต่ำที่สุด (Zero Impact) |
การกระตุ้นหัวใจ |
สูงกว่า (เพราะทั้งตัว) |
ต่ำกว่า (ใช้แค่ขา) |
ท่าใช้งาน |
ยืนตรง ใช้ทั้งตัว |
นั่งตลอดเวลา |
สรุปง่าย ๆ
- เครื่องเดินวงรีทำงานทั้งตัว + เผาผลาญมากกว่า
- จักรยานปั่นนั่งเฉย ๆ ใช้เฉพาะขาและก้น
เหมาะกับใคร?
กลุ่มผู้ใช้งาน |
เครื่องเดินวงรี |
จักรยานอยู่กับที่ |
ผู้สูงอายุ |
ดีมาก แต่ต้องระวังการก้าวขึ้นเครื่อง |
เหมาะกว่า (ปลอดภัยสุด) |
คนอ้วนมาก (>100 กก.) |
เหมาะ เพราะแรงกระแทกต่ำ แต่ต้องเลือกเครื่องเกรดดี |
เหมาะมาก เพราะไม่มีแรงกระแทกและนั่งสบาย |
คนเจ็บข้อเข่า/ข้อเท้า |
ดีมากเพราะแรงกดคงที่ |
ดีมาก (ดีที่สุดสำหรับข้อเข่า) |
นักกีฬา |
เหมาะเป็น Recovery Cardio |
เหมาะเป็น Recovery แต่เน้นออกกำลังขา |
งานวิจัยสนับสนุน
Journal of Rehabilitation Medicine (2021)
ระบุว่าในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ฟื้นฟูหลังผ่าตัดข้อ การใช้จักรยานอยู่กับที่ช่วยลดอาการปวดข้อและเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อสะโพกและข้อเข่าได้ดี แต่ในระยะยาว การออกกำลังกายรูปแบบ Weight Bearing (เช่น เครื่องเดินวงรี) จะช่วยฟื้นฟูมวลกระดูกและความแข็งแรงของเส้นเอ็นได้ดีกว่า
ข้อดี-ข้อเสียเชิงลึก (จากประสบการณ์โค้ช)
เครื่องเดินวงรี
ข้อดี
- เผาผลาญแคลอรีสูงกว่า
- ใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว
- ได้ฝึกบาลานซ์ การทรงตัวไปพร้อมกัน
- เหมาะกับสายลดไขมันจริงจัง
- ใช้ในวัน Recovery ของนักกีฬาได้ดี
ข้อเสีย
- เครื่องใหญ่ กินพื้นที่มาก
- ราคาเครื่องคุณภาพสูงค่อนข้างแพง
- ผู้สูงอายุบางคนก้าวขึ้นเครื่องลำบาก
จักรยานอยู่กับที่
ข้อดี
- เผาผลาญแคลอรีพอสมควร
- นั่งเล่นง่าย ไม่ต้องใช้บาลานซ์ร่างกาย
- ไม่มีแรงกระแทกแม้แต่น้อย
- เหมาะกับผู้สูงอายุและผู้เจ็บข้อหนัก
ข้อเสีย
- ใช้กล้ามเนื้อเฉพาะขาและก้น
- ใช้พลังงานน้อยกว่า
- ไม่เหมาะกับสายลดไขมันจริงจังในระยะยาว
สรุปโดยโค้ชปูแน่น (ชัดเจน)
เป้าหมายของคุณ |
เครื่องที่เหมาะสมที่สุด |
ลดไขมันทั่วร่างกาย |
เครื่องเดินวงรี |
คุมอาการข้อเสื่อมหนักมาก |
จักรยานอยู่กับที่ |
ฟื้นฟูหลังผ่าตัด |
จักรยานอยู่กับที่ |
ทำคาร์ดิโอทั้งตัว |
เครื่องเดินวงรี |
เน้นใช้งานง่าย ไม่ใช้แรงมาก |
จักรยานอยู่กับที่ |
โค้ชฟันธง
“ถ้าเป้าหมายคุณคือการเผาผลาญไขมันทั้งตัว เครื่องเดินวงรีคืออาวุธหลัก
ถ้าเป้าหมายคือฟื้นฟูข้อหรือความสบายขณะออกกำลังกาย จักรยานอยู่กับที่คือเครื่องที่ตอบโจทย์”
คำแนะนำจากโค้ชปูแน่น
- ลูกเทรนโค้ชทุกคนที่ต้องการ “ลดไขมันจริงจัง” โค้ชแนะนำเครื่องเดินวงรีเสมอ
- กลุ่มผู้สูงอายุ ลูกค้าฟื้นฟูหลังผ่าตัด หรือผู้ที่น้ำหนักตัวมากเกิน 120 กก. ให้เลือกจักรยานนั่งปั่นเป็นหลักก่อน
“เครื่องเดินวงรีจะทำให้คุณเหนื่อยทั้งตัว แต่ก็จะเผาผลาญไขมันทั้งตัว
จักรยานจะทำให้คุณสบายตัว แต่ก็จะเผาผลาญได้แค่ขาเท่านั้น”
— โค้ชปูแน่น
เลือกดูเครื่องเดินวงรี Homefitools, Johnson และ แบรนด์อื่นๆได้ที่นี่
ตารางสรุปเปรียบเทียบ (เผาผลาญ, แรงกระแทก, ครอบคลุมกล้ามเนื้อ)
การตัดสินใจเลือกเครื่องคาร์ดิโอให้เหมาะกับเป้าหมายแต่ละคน ไม่ควรดูแค่เครื่องไหนเผาผลาญแคลอรีได้มากที่สุด แต่ควรดูองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย ได้แก่
- กลุ่มกล้ามเนื้อที่ทำงานจริง
- ความเสี่ยงต่อข้อต่อและกระดูก
- ระยะเวลาการออกกำลังกายที่ทำได้ต่อเนื่อง
- ความเหมาะสมกับสภาพร่างกายแต่ละบุคคล
โค้ชปูแน่นจึงสรุปให้ดังนี้ครับ
ปัจจัย |
เครื่องเดินวงรี |
ลู่วิ่งไฟฟ้า |
จักรยานปั่นอยู่กับที่ |
เผาผลาญพลังงานต่อชั่วโมง |
500-800 kcal |
600-900 kcal |
400-700 kcal |
แรงกระแทกข้อต่อ |
ต่ำมาก |
สูง |
ต่ำที่สุด |
ใช้กล้ามเนื้อช่วงล่าง |
✅ ใช้จริงเต็มที่ |
✅ ใช้จริงเต็มที่ |
✅ ใช้จริงเต็มที่ |
ใช้กล้ามเนื้อช่วงบน |
✅ ใช้ (แขน, ไหล่, หลัง) |
❌ ไม่ใช้ |
❌ ไม่ใช้ |
ใช้กล้ามเนื้อแกนกลาง |
✅ ใช้ตลอดเวลา |
✅ ใช้บางส่วน |
✅ ใช้บ้าง |
ใช้งานได้ต่อเนื่อง |
นานที่สุด |
ปานกลาง |
นาน |
เสี่ยงเจ็บข้อเข่า |
ต่ำมาก |
สูง |
ต่ำที่สุด |
ใช้ฟื้นฟูสมรรถภาพ |
ดีมาก |
ไม่เหมาะ |
ดีมาก |
พัฒนา Bone Density |
ไม่ได้ |
✅ ได้จริง |
ได้น้อยมาก |
พัฒนา Sprint/Speed |
ไม่ได้ |
✅ ได้จริง |
ไม่ได้ |
ข้อสรุปจากงานวิจัยสนับสนุน
1.Journal of Sports Science (2020)
เครื่องเดินวงรีสามารถเผาผลาญพลังงานได้ใกล้เคียงการวิ่งบนลู่วิ่ง (95-98%) โดยมีแรงกระแทกข้อต่อต่ำกว่า 60-70%
2.Journal of Biomechanics (2018)
แรงกระแทกขณะวิ่งสูงกว่าการใช้เครื่องเดินวงรี 3-4 เท่า ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปมีแนวโน้มเลิกออกกำลังกายจากการเจ็บเข่ามากกว่าผลจากอัตราการเผาผลาญเพียงอย่างเดียว
3.Rehabilitation Institute of Chicago (2021)
เครื่องเดินวงรีและจักรยานอยู่กับที่เหมาะกับผู้มีปัญหาข้อต่อ โดยเครื่องเดินวงรีให้ผลฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ทั้งตัว ขณะที่จักรยานให้ผลเฉพาะกล้ามเนื้อขาเท่านั้น
โค้ชปูแน่นสรุปแบบง่ายที่สุด (เหมาะกับใคร?)
- เครื่องเดินวงรี
เหมาะกับสายลดไขมันจริงจัง, คนเจ็บข้อ, ผู้สูงอายุที่ยังเคลื่อนไหวได้เอง
ต้องการคาร์ดิโอทั้งตัวในเครื่องเดียว - ลู่วิ่งไฟฟ้า
เหมาะกับนักวิ่ง, นักกีฬาที่ต้องฝึกสปีดหรือพัฒนาทักษะการวิ่ง
เหมาะกับคนสุขภาพดี ระบบข้อแข็งแรง - จักรยานปั่น
เหมาะกับผู้สูงอายุ, คนเจ็บข้อหนัก, หรือคนที่อยากออกกำลังเบา ๆ แบบไม่กดดันร่างกาย
“เลือกเครื่องผิด ชีวิตเปลี่ยน ซื้อเครื่องถูกกับเป้าหมาย คุณจะเลิกใช้มัน แต่ถ้าคุณเลือกเครื่องเหมาะกับตัวเอง คุณจะอยากออกกำลังทุกวันแบบไม่รู้ตัว”
— โค้ชปูแน่น
เผาผลาญแคลอรีด้วยเครื่องเดินวงรี ปรับความเข้มข้น + ระยะเวลาอย่างไร (เทคนิคโค้ชปูแน่น)
เครื่องเดินวงรีไม่ได้เผาผลาญแคลอรีดีเพราะขาเหยียบไปเฉย ๆ ครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่า...
- คุณตั้ง “แรงต้าน” ถูกต้องไหม?
- คุณกำหนด “รอบขา (RPM)” เหมาะสมหรือไม่?
- คุณ “ใช้แขน” ในการออกแรงจริงหรือเปล่า?
- คุณอยู่ใน Heart Rate Zone ที่เหมาะกับการเผาผลาญไขมันหรือไม่?
หากคุณทำถูก ระบบการเผาผลาญในเครื่องเดินวงรีจะใกล้เคียงหรือเหนือกว่าการวิ่งจริงในหลายกรณี
หลักสำคัญ ความเข้มข้น + ระยะเวลาตามโซนหัวใจ
จากงานวิจัยโดย ACSM (American College of Sports Medicine, 2022)
Heart Rate Zone |
% ของ Maximum Heart Rate |
ประโยชน์หลัก |
Zone 2 |
60-70% |
เผาผลาญไขมันสูงสุด, ทำได้นาน |
Zone 3 |
70-80% |
เผาผลาญไขมัน + คาร์โบไฮเดรต |
Zone 4 |
80-90% |
พัฒนาความทนทานระบบหัวใจ |
โค้ชแนะนำ
สำหรับสายลดไขมัน ให้เล่นใน Zone 2-3 ต่อเนื่อง 30-60 นาที ด้วยความเข้มข้นระดับกลาง แต่ต่อเนื่องยาว เพื่อดึงไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก
วิธีตั้งเครื่องให้เผาผลาญสูงสุด (จากประสบการณ์โค้ชปูแน่น)
- แรงต้าน (Resistance)
ตั้งไว้ที่ 30-50% ของระดับสูงสุด (เช่น ถ้าเครื่องมี 20 ระดับ ให้ตั้งที่ระดับ 6-10) - รอบขา (RPM)
รักษารอบขาที่ 60-80 รอบ/นาที (ต่ำกว่า 50 ถือว่าเบาเกินไป) - ใช้แขนดึงและผลักจริงในทุกจังหวะ เพื่อให้กล้ามเนื้อช่วงบนช่วยใช้พลังงานร่วมกับขา
- เฝ้าดู Heart Rate บนคอนโซลเครื่องให้ให้อยู่ใน Zone 2-3 ตลอดเวลา
- เล่นต่อเนื่องอย่างน้อย 30-60 นาที/ครั้ง ทำสัปดาห์ละ 3-5 วัน
การคำนวณการเผาผลาญแคลอรี (ตาม METs)
- การออกกำลังด้วยเครื่องเดินวงรีในระดับปานกลาง (Moderate Intensity) = 5-7 METs
- ในระดับสูง (Vigorous Intensity) = 8-9 METs
ตัวอย่างคำนวณ
(น้ำหนักตัว (กก.) × MET × 3.5) ÷ 200 × เวลา (นาที) = พลังงานที่เผาผลาญ (kcal)
ตัวอย่างจริง
- น้ำหนักตัว 70 กก.
- ใช้เครื่องเดินวงรีระดับปานกลาง (6 METs)
- เล่น 45 นาที
คำนวณ = (70 × 6 × 3.5) ÷ 200 × 45 = ประมาณ 330 แคลอรี่ต่อ 45 นาที
งานวิจัยสนับสนุน
University of Wisconsin-Madison (Porcari et al., 2010)
ผู้ใช้งานที่ออกกำลังในระดับ Moderate Intensity ด้วยเครื่องเดินวงรี สามารถเผาผลาญไขมันได้มากถึง 67% ของแคลอรีที่ใช้ไปทั้งหมดในช่วง 30 นาทีแรก ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเครื่องคาร์ดิโอประเภท Low Impact ทั้งหมด
เทคนิคพิเศษจากโค้ชปูแน่น (เพิ่มการเผาผลาญ 10-20%)
- สลับการฝึกเป็น HIIT แบบ Low Impact
ทำ 1 นาทีแรงต้านสูง + 2 นาทีแรงต้านต่ำ สลับกัน 10-20 รอบ - ทำ Reverse Pedaling (ถอยหลัง) สลับกับปั่นปกติทุก 5 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังต้นขา (Hamstrings) ทำงานมากขึ้น
- ใช้มือจับทั้ง 2 ข้าง และออกแรงดึง/ผลักจริง เพื่อให้กล้ามเนื้อช่วงบนทำงานตลอด
- เล่นอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง ถ้าเป้าหมายคือการลดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปจากโค้ชปูแน่น (สำคัญมาก)
- เครื่องเดินวงรีจะเผาผลาญแคลอรีได้สูงสุด เมื่อ
- ปรับแรงต้านเหมาะสม
- รักษารอบขาในช่วง 60-80 RPM
- ใช้แขนออกแรงจริงในทุกจังหวะ
- อยู่ใน Heart Rate Zone 2-3 ต่อเนื่องนานที่สุด
- สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 30-60 นาที คือโซนปลอดภัยและได้ผลที่สุดสำหรับการลดไขมัน
“เครื่องเดินวงรีเป็นเหมือนเครื่องเผาผลาญไขมันแบบไร้แรงกระแทก แต่คุณต้องรู้จักใช้มันให้ถูกตั้งแต่การปรับแรงต้านไปจนถึงจังหวะการเหยียบ ถ้าเล่นถูก มันจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในยิมของคุณ”
— โค้ชปูแน่น
วิธีคำนวณการเผาผลาญแคลอรีด้วย METs (พร้อมตารางตัวอย่าง)
ในการวางโปรแกรมคาร์ดิโอให้ลูกเทรน โค้ชปูแน่นใช้การคำนวณแคลอรีที่เผาผลาญต่อครั้ง โดยอิงจาก “METs” ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลของวงการฟิตเนสและการแพทย์
METs คืออะไร?
MET (Metabolic Equivalent of Task) คือ หน่วยวัดความเข้มข้นของการออกกำลังกาย
- 1 MET = พลังงานที่ใช้ในขณะพัก (Resting Energy Expenditure)
กิจกรรมที่มี MET สูง แสดงว่าใช้พลังงานมาก
เช่น วิ่งเร็ว MET 10-12 แต่การเดินสบาย ๆ MET แค่ 2.5
ตารางค่า METs ของเครื่องเดินวงรี (อ้างอิงจาก Compendium of Physical Activities, 2011)
ความเข้มข้นในการเล่น |
ค่า METs โดยเฉลี่ย |
ใช้งานเบา (เหยียบช้า-แรงต้านต่ำ) |
4.5 |
ใช้งานระดับปานกลาง (แรงต้านปานกลาง) |
6.0 |
ใช้งานระดับสูง (แรงต้านสูง + เหยียบเร็ว) |
8.0 |
สูตรคำนวณแคลอรีที่เผาผลาญด้วย METs
แคลอรี่ที่ใช้=น้ำหนักตัว (กก.)×METs×3.5200×นาที\text{แคลอรี่ที่ใช้} = \frac{\text{น้ำหนักตัว (กก.)} \times \text{METs} \times 3.5}{200} \times \text{นาที}แคลอรี่ที่ใช้=200น้ำหนักตัว (กก.)×METs×3.5×นาที
ตัวอย่างคำนวณจริง (จากลูกเทรนโค้ชปูแน่น)
ลูกเทรนน้ำหนัก 70 กิโลกรัม ใช้เครื่องเดินวงรีระดับปานกลาง (6 METs) นาน 45 นาที
(70×6×3.5)÷200×45=330.75 kcal(70 \times 6 \times 3.5) \div 200 \times 45 = 330.75 \text{ kcal}(70×6×3.5)÷200×45=330.75 kcal
สรุป ใช้เครื่องเดินวงรี 45 นาที เผาผลาญได้ประมาณ 330-335 kcal
ตารางแสดงตัวอย่างแคลอรีที่เผาผลาญ (ตามระดับน้ำหนักตัวและความเข้มข้น)
น้ำหนักตัว (กก.) |
ใช้งานเบา (4.5 METs) |
ปานกลาง (6 METs) |
หนัก (8 METs) |
50 |
197 kcal/45 นาที |
263 kcal/45 นาที |
351 kcal/45 นาที |
60 |
236 kcal/45 นาที |
315 kcal/45 นาที |
421 kcal/45 นาที |
70 |
276 kcal/45 นาที |
330 kcal/45 นาที |
468 kcal/45 นาที |
80 |
315 kcal/45 นาที |
420 kcal/45 นาที |
561 kcal/45 นาที |
90 |
355 kcal/45 นาที |
472 kcal/45 นาที |
632 kcal/45 นาที |
100 |
394 kcal/45 นาที |
525 kcal/45 นาที |
702 kcal/45 นาที |
เทคนิคจากโค้ชปูแน่น เพิ่ม METs = เพิ่มการเผาผลาญ
- ปรับแรงต้านให้สูงขึ้น (แต่ไม่สูงเกินไปจนเหยียบไม่ได้)
- ใช้แขนดึง-ดันจริงตลอดเวลา
- รักษา RPM ที่ 60-80 รอบ/นาที
วิธีนี้จะเพิ่มค่า METs ให้สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
สรุปจากโค้ชปูแน่น
- ใช้ METs ช่วยวางแผนการออกกำลังแบบมืออาชีพ
- ปรับเปลี่ยนแผนตามน้ำหนักตัวและเป้าหมายรายบุคคล
- เครื่องเดินวงรีช่วยให้ควบคุม METs ได้ง่ายกว่าเครื่องวิ่งหรือจักรยาน เพราะปรับแรงต้านและรอบขาได้ตามต้องการ
“เครื่องเดินวงรีไม่ใช่แค่เหยียบไปเรื่อย ๆ แต่เป็นเครื่องคาร์ดิโอที่คุณควบคุมระบบเผาผลาญได้จริงผ่านแรงต้านและรอบขา ถ้าคุณรู้จักใช้ METs เป็น มันจะกลายเป็นอาวุธลับในการลดไขมัน”
— โค้ชปูแน่น
ประสิทธิภาพของเครื่องเดินวงรี เทียบเท่าการวิ่งจริงหรือไม่?
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างเครื่องเดินวงรีกับการวิ่ง หลายคนมักสงสัยว่าเครื่องเดินวงรีสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีจริงหรือไม่ และจะเทียบเท่ากับการวิ่งจริงหรือเปล่า? ในฐานะเทรนเนอร์ที่ทำงานกับทั้งนักวิ่งและกลุ่มคนทั่วไป โค้ชปูแน่นขอตอบจากทั้งประสบการณ์ตรงและงานวิจัยระดับนานาชาติว่า เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องคาร์ดิโอที่ให้ประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานสูงมาก และในบางกรณียังสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกว่าการวิ่งได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่นักกีฬาสาย Performance
หลายคนอาจไม่รู้ว่าเครื่องเดินวงรีถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงกระแทกจากการวิ่ง แต่ยังให้ร่างกายออกแรงได้เต็มที่ในการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงกับการเดินหรือวิ่ง ด้วยระบบการเคลื่อนที่ที่เป็นเส้นทางวงรี (Ellipse) ส่งผลให้กล้ามเนื้อขาและช่วงล่างทำงานเหมือนการวิ่ง แต่ที่แตกต่างและเป็นข้อได้เปรียบสำคัญคือ เครื่องเดินวงรีสามารถให้กล้ามเนื้อส่วนบนและแกนกลางของร่างกายทำงานร่วมไปด้วย ทำให้กลายเป็นการออกกำลังกายแบบ Total Body ได้โดยธรรมชาติ ในขณะที่การวิ่งใช้เพียงกล้ามเนื้อขาและแกนกลางเป็นหลัก จึงทำให้เครื่องเดินวงรีสามารถกระจายการใช้พลังงานออกไปยังกล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เครื่องเดินวงรีเผาผลาญพลังงานได้สูงในเวลาเท่ากัน
จากงานวิจัยของ University of Wisconsin-Madison ที่ทำการทดลองกับอาสาสมัครจริง ทั้งชายและหญิงที่มีสภาพร่างกายหลากหลาย โดยให้ออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรีและลู่วิ่งไฟฟ้าในระดับความเข้มข้นปานกลาง ผลปรากฏว่า เครื่องเดินวงรีสามารถเผาผลาญพลังงานได้เฉลี่ย 93-97% เมื่อเทียบกับลู่วิ่ง ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยของอัตราการเต้นหัวใจระหว่างการใช้งานเครื่องทั้งสองประเภทนั้นใกล้เคียงกันมาก โดยเครื่องเดินวงรีทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าการเดินบนลู่วิ่งเพียง 4-5 ครั้งต่อนาทีเท่านั้น นั่นหมายความว่าภาระของระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ได้รับจากการออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี อยู่ในระดับใกล้เคียงกับการวิ่งบนลู่วิ่งเกือบทุกประการ
สิ่งที่ทำให้เครื่องเดินวงรีเหนือกว่าการวิ่งในบางกรณีก็คือ ความสามารถในการออกกำลังกายต่อเนื่องได้ยาวนานกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ได้มีสมรรถภาพข้อเข่าและข้อเท้าในระดับนักกีฬา เนื่องจากเครื่องเดินวงรีไม่มีแรงกระแทกสะสม จึงทำให้สามารถทำคาร์ดิโอในโซนเป้าหมายได้ต่อเนื่องนานขึ้น ในขณะที่ผู้ใช้งานลู่วิ่งส่วนใหญ่มักพบปัญหาเมื่อใช้งานเกิน 20-30 นาที เพราะเริ่มมีอาการเจ็บข้อหรือเมื่อยกล้ามเนื้อเฉพาะกลุ่มอย่างรวดเร็ว เครื่องเดินวงรีจึงตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ เพราะสามารถรักษาอัตราการเต้นหัวใจให้อยู่ในโซนเผาผลาญไขมันได้ต่อเนื่องหลายสิบนาทีโดยไม่ต้องหยุดพัก
นอกจากข้อดีเรื่องแรงกระแทกแล้ว เครื่องเดินวงรียังสามารถเพิ่มระดับความเข้มข้นของการออกกำลังกายได้อย่างยืดหยุ่นผ่านการปรับแรงต้านและรอบการก้าว เครื่องเดินวงรีรุ่นใหม่ ๆ มีระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้า ที่สามารถกำหนดความหนักในการเหยียบได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเปรียบเสมือนการวิ่งขึ้นทางชันบนลู่วิ่ง แต่ที่ดีกว่าคือไม่ต้องแบกรับแรงกระแทกช่วงลงส้นในทุกย่างก้าว และในขณะเดียวกันมือจับเคลื่อนที่ก็ถูกออกแบบมาให้ช่วยให้ผู้ใช้งานออกแรงดึงและผลักได้จริง ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อช่วงบน เช่น กล้ามเนื้อไหล่ หลัง แขน ได้ทำงานร่วมไปกับกล้ามเนื้อขาและแกนกลาง ทำให้เกิดการใช้พลังงานที่สมดุลและต่อเนื่องมากขึ้น
ในแง่ของระบบหัวใจและหลอดเลือด มีการศึกษาในปี 2021 โดยวารสาร Journal of Sports Medicine ที่ทำการวิเคราะห์งานวิจัยทั้งหมด 8 ฉบับที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องเดินวงรี พบว่า เครื่องเดินวงรีให้ประสิทธิภาพในการพัฒนาสมรรถภาพระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiorespiratory Fitness) ใกล้เคียงกับการวิ่งจริง และในบางกลุ่มอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก กลับสามารถพัฒนาสมรรถภาพได้ดีกว่าการวิ่ง เนื่องจากสามารถออกกำลังกายต่อเนื่องได้โดยไม่เจ็บข้อหรือเกิดแรงกระแทกสะสม
ในฐานะโค้ชที่ดูแลกลุ่มลูกศิษย์เป้าหมายลดไขมัน โค้ชปูแน่นเห็นภาพชัดเจนว่าลูกเทรนส่วนใหญ่มักวิ่งได้เพียง 15-20 นาที ก่อนจะรู้สึกเจ็บหรือเมื่อยกล้ามเนื้อขามากจนต้องหยุดพัก แต่เมื่อเปลี่ยนมาทำคาร์ดิโอบนเครื่องเดินวงรี กลับสามารถทำได้ต่อเนื่อง 30-45 นาทีโดยไม่หยุด ทำให้พลังงานรวมที่เผาผลาญได้ในแต่ละครั้งมากกว่าการวิ่งในชีวิตจริง แม้ว่าในเชิงทฤษฎีการวิ่งจะเผาผลาญแคลอรีสูงกว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
สรุปง่าย ๆ คือ เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานเทียบเท่ากับการวิ่งในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป และเหมาะกับการใช้งานในระยะยาว เพราะสามารถทำคาร์ดิโอได้ต่อเนื่องโดยไม่เสี่ยงบาดเจ็บ โค้ชปูแน่นกล้ายืนยันจากทั้งงานวิจัยและประสบการณ์จริงว่า เครื่องเดินวงรีคืออาวุธลับสำหรับใครก็ตามที่ต้องการลดไขมันอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องกลัวเข่าเจ็บหรือข้อพังในระยะยาว
เพราะการเผาผลาญไขมันให้ได้ผล ไม่ใช่แค่เผาผลาญได้สูงในระยะสั้น แต่คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งเครื่องเดินวงรีทำให้คุณทำได้จริง
“จำไว้เสมอครับ... ถ้าเป้าหมายคุณคือสุขภาพดีและลดไขมัน เครื่องเดินวงรีคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในฟิตเนส”
— โค้ชปูแน่น
เทคนิค HIIT แบบเครื่องเดินวงรี เผาผลาญไขมันเร็วกว่าเดิมด้วยการฝึกแบบเว้นช่วง
หนึ่งในเทคนิคที่โค้ชปูแน่นมักจะแนะนำให้กับลูกเทรนที่ต้องการลดไขมันอย่างเร่งด่วนก็คือการใช้ HIIT หรือ High-Intensity Interval Training ในการออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี เพราะแม้เครื่องเดินวงรีจะมีชื่อเสียงในเรื่องการทำคาร์ดิโอแบบต่อเนื่อง หรือ LISS (Low-Intensity Steady-State) แต่ด้วยระบบแรงต้านและความยืดหยุ่นในการปรับรอบขา เครื่องนี้ยังสามารถใช้งานในรูปแบบ HIIT ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมากเช่นกัน
HIIT เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่เน้นการสลับช่วงทำงานหนักกับช่วงพักหรือช่วงเบา โดยออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานสูงสุดในช่วงเวลาสั้น ๆ ตามด้วยช่วงฟื้นตัวสั้น ๆ แล้วทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ในหนึ่งรอบการฝึก ด้วยรูปแบบนี้ ร่างกายจะถูกบังคับให้ดึงพลังงานจากไขมันออกมาใช้งานมากขึ้นในช่วงหลังออกกำลังกาย ซึ่งเรียกว่า EPOC หรือ Excess Post-Exercise Oxygen Consumption หมายถึง ภาวะที่ร่างกายยังคงเผาผลาญพลังงานสูงอยู่แม้จะหยุดออกกำลังกายแล้วก็ตาม การทำ HIIT บนเครื่องเดินวงรีจึงสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ได้สูงกว่าการทำคาร์ดิโอแบบปกติในระยะเวลาที่เท่ากัน
เมื่อพูดถึงการประยุกต์ HIIT บนเครื่องเดินวงรี โค้ชปูแน่นพบว่า ความสามารถในการปรับแรงต้านได้อย่างละเอียด และจังหวะการเคลื่อนที่ที่ไม่มีแรงกระแทก ทำให้เครื่องนี้เหมาะมากกับการใช้ฝึก HIIT สำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์ นอกจากนี้ การที่ผู้ใช้งานสามารถใช้กล้ามเนื้อทั้งตัวในขณะออกแรง ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อขา สะโพก แขน หลัง และแกนกลางลำตัว ทำให้ผลลัพธ์ในการเผาผลาญแคลอรีสูงขึ้นกว่าการทำ HIIT ด้วยเครื่องอื่นอย่างจักรยานนั่งปั่นที่ใช้แค่กล้ามเนื้อช่วงล่างเพียงอย่างเดียว
โครงสร้างการฝึก HIIT ด้วยเครื่องเดินวงรีโดยทั่วไปจะเริ่มจากช่วงวอร์มอัพเพื่อเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อประมาณ 3-5 นาที โดยตั้งแรงต้านในระดับต่ำและเหยียบในรอบขาที่ไม่เร็วมาก หลังจากนั้นเข้าสู่ช่วงทำงานหนักที่เรียกว่า High-Intensity Phase ซึ่งโค้ชแนะนำให้เพิ่มแรงต้านในระดับ 70-85% ของแรงต้านสูงสุดของเครื่อง รักษาความเร็วรอบขาให้อยู่ในระดับสูง เช่น 80-100 รอบต่อนาที โดยช่วงนี้ควรทำต่อเนื่องเป็นเวลา 20-30 วินาที หรือถ้าผู้ใช้งานมีความฟิตมากพอสามารถเพิ่มระยะเวลาเป็น 40 วินาทีได้ หลังจากนั้นให้สลับเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวหรือ Recovery Phase โดยลดแรงต้านลงกลับไปที่ 20-30% และลดรอบขาลงมาประมาณ 50-60 รอบต่อนาที ทำช่วงพักนี้ประมาณ 60-90 วินาที
สิ่งสำคัญในการออกแบบ HIIT ก็คือการรักษาอัตราส่วนของช่วงทำงานหนักและช่วงพักให้เหมาะสมกับสมรรถภาพของผู้ฝึก เช่น ผู้เริ่มต้นอาจเริ่มที่อัตราส่วน 13 (ทำงานหนัก 20 วินาที พัก 60 วินาที) ส่วนผู้มีประสบการณ์สามารถขยับเป็นอัตราส่วน 12 หรือ 11 ในผู้ที่มีความฟิตสูง เมื่อครบ 1 รอบแล้วให้นับเป็น 1 เซต โค้ชแนะนำให้ทำซ้ำ 10-15 เซตต่อครั้ง ใช้เวลารวมในการฝึกไม่เกิน 30 นาทีต่อครั้งจะได้ผลดีที่สุด จากนั้นปิดท้ายด้วยการคูลดาวน์ 3-5 นาที ด้วยแรงต้านต่ำ เพื่อให้ระบบไหลเวียนเลือดกลับสู่ภาวะปกติ
ประโยชน์ของการทำ HIIT ด้วยเครื่องเดินวงรีอีกอย่างหนึ่ง คือสามารถลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บที่ข้อต่อซึ่งพบได้บ่อยในการวิ่ง HIIT บนลู่วิ่ง เพราะในเครื่องเดินวงรีเท้าไม่ได้มีช่วงกระแทกพื้นและแรงเฉือนที่ข้อแทบไม่มีเลย ในขณะที่กล้ามเนื้อและระบบหัวใจยังคงถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างหนัก จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการเร่งลดไขมัน แต่มีข้อจำกัดด้านข้อต่อ เช่น น้ำหนักตัวมาก ข้อเข่าไม่แข็งแรง หรือผู้ที่เคยบาดเจ็บมาก่อน นอกจากนี้ เครื่องเดินวงรียังสามารถควบคุมระดับความเข้มข้นได้ง่ายกว่าการวิ่งจริง เพราะสามารถปรับแรงต้านและความเร็วได้ทันทีผ่านแผงควบคุม ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่รู้สึกท้อหรือหมดแรงก่อนเวลาอันควร
ในเชิงวิทยาศาสตร์ มีงานวิจัยจาก Journal of Strength and Conditioning Research ในปี 2019 ยืนยันว่า การทำ HIIT บนเครื่องเดินวงรีให้ผลในการเพิ่มการเผาผลาญพลังงานสูงถึง 15% เมื่อเทียบกับการทำ LISS ในช่วงเวลาการฝึกที่เท่ากัน และที่สำคัญคือระดับ EPOC หลังออกกำลังกายสูงกว่ากลุ่มที่ใช้ลู่วิ่งหรือจักรยานอยู่กับที่ นั่นหมายความว่าแม้จะหยุดฝึกแล้ว แต่ร่างกายยังคงเผาผลาญแคลอรีอย่างต่อเนื่องอีกหลายชั่วโมงหลังการฝึกจบลง
การนำ HIIT มาใช้กับเครื่องเดินวงรีจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่โค้ชปูแน่นแนะนำให้ลูกเทรนใช้ควบคู่กับการฝึกแบบต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ยังช่วยเพิ่มสมรรถภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาวโดยไม่ทำร้ายข้อเข่าและข้อเท้าเหมือนการวิ่ง HIIT แบบเดิม สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างรวดเร็วแต่มีข้อจำกัดด้านข้อต่อ เครื่องเดินวงรีจึงเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงเป้าหมายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ในฐานะโค้ชที่มีประสบการณ์ตรง โค้ชปูแน่นขอยืนยันอีกครั้งว่า เครื่องเดินวงรีไม่ใช่แค่เครื่องคาร์ดิโอธรรมดา แต่ถ้าคุณรู้จักใช้เทคนิค HIIT คุณจะสามารถเปลี่ยนเครื่องนี้ให้เป็น “อาวุธลดไขมัน” ที่ทรงพลังที่สุดในยิมของคุณเลยก็ว่าได้
ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับมือใหม่ในการใช้เครื่องเดินวงรี
- อย่ารีบเพิ่มแรงต้านมากเกินไปในสัปดาห์แรก
มือใหม่หลายคนมีความเข้าใจผิดว่า ยิ่งตั้งแรงต้านสูงเท่าไหร่ ยิ่งเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น แต่จริงๆ แล้ว กล้ามเนื้อและระบบข้อของคุณยังไม่พร้อมรับน้ำหนักและแรงกดสูงในช่วงแรก หากคุณเพิ่มแรงต้านมากเกินไป จะทำให้กล้ามเนื้อล้าเร็ว หัวใจเต้นเร็วเกินโซนเผาผลาญ และเสี่ยงต่อการเจ็บข้อต่อได้ โค้ชแนะนำให้เริ่มจากแรงต้านระดับต่ำถึงปานกลางก่อนใน 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้กล้ามเนื้อและข้อต่อได้ปรับตัว หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มแรงต้านทีละระดับตามความพร้อมของร่างกาย
- เริ่มจากระยะเวลาเพียง 15-20 นาทีแล้วค่อยเพิ่มขึ้น
การเล่นเครื่องเดินวงรีครั้งแรก ควรเริ่มจากระยะเวลาสั้นๆ ก่อน เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับรูปแบบการเคลื่อนไหวและความรู้สึกในการเหยียบวงรี ในช่วง 1-3 วันแรก ให้คุณตั้งเป้าแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น อย่าเร่งรีบที่จะเล่นนาน เพราะร่างกายยังไม่พร้อม หลังจากใช้งานได้สบายแล้ว ค่อยเพิ่มเป็น 30 นาที หรือมากกว่านั้นตามเป้าหมายการเผาผลาญของคุณ
- ใช้โปรแกรมอัตโนมัติของเครื่องเพื่อช่วยแนะนำในช่วงเริ่มต้น
เครื่องเดินวงรีส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมอัตโนมัติที่ออกแบบไว้สำหรับผู้เริ่มต้น เช่น โปรแกรม Weight Loss, Fat Burn หรือ Manual Beginner โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยปรับแรงต้านและจังหวะการเคลื่อนไหวให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับมือใหม่ โค้ชแนะนำให้กดเลือกโปรแกรมเหล่านี้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ก่อนจะขยับไปปรับด้วยตัวเองเมื่อคุณเริ่มเข้าใจร่างกายของตัวเองมากขึ้น
- ฝึกให้ร่างกายใช้แขนออกแรงจริงตั้งแต่วันแรก
แม้คุณจะเป็นมือใหม่ แต่โค้ชแนะนำให้คุณเริ่มใช้แขนดึงและผลักมือจับเคลื่อนที่ตั้งแต่วันแรก อย่าใช้แขนแค่พยุงตัว เพราะถ้าคุณเคยชินกับการไม่ออกแรงแขน กล้ามเนื้อช่วงบนของคุณจะไม่ได้พัฒนาและคุณจะเสียโอกาสในการเผาผลาญแคลอรีจำนวนมาก จำไว้ว่าเครื่องเดินวงรีคือเครื่องออกกำลังกายทั้งตัว ไม่ใช่แค่เครื่องออกกำลังขา
- อย่าก้มหน้าเล่นหรือจับมือถือขณะออกกำลังกาย
โค้ชมักเห็นคนจำนวนมากใช้มือถือขณะเล่นเครื่องเดินวงรี ซึ่งส่งผลเสียอย่างมากต่อท่าทาง เพราะคุณจะก้มคอและงอหลังโดยไม่รู้ตัว ท่าทางที่ผิดแบบนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหลังและไหล่ทำงานผิดกลุ่ม เสี่ยงต่ออาการปวดเมื่อยและออฟฟิศซินโดรม ควรโฟกัสกับการออกแรง รักษาท่าทางตรง และใช้แขนขาออกแรงอย่างเต็มที่ทุกจังหวะ เพื่อผลลัพธ์สูงสุด
- ฝึกฟังเสียงร่างกายและไม่ฝืนเมื่อรู้สึกเจ็บ
ในช่วงเริ่มต้น คุณอาจรู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อหรือเหนื่อยเป็นปกติ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บข้อเข่า ข้อเท้า หรือมีอาการปวดแปลบที่กล้ามเนื้อใดกล้ามเนื้อหนึ่ง ให้หยุดทันที อย่าฝืนเล่นต่อ เพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บได้ ให้คุณเช็กว่าปรับแรงต้านหรือท่าทางผิดหรือไม่ หากไม่แน่ใจควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเทรนเนอร์ในฟิตเนส
- เล่นวันเว้นวันในช่วงแรก เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
โค้ชแนะนำว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรเล่นเครื่องเดินวงรีวันเว้นวันเพื่อให้ระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อฟื้นตัวก่อน หลีกเลี่ยงการเล่นติดต่อกันทุกวัน เพราะแม้จะไม่มีแรงกระแทก แต่ร่างกายของคุณยังไม่ชินกับการออกแรงซ้ำๆ ในแนววงรี ต้องให้เวลาร่างกายปรับตัว หลังจากนั้นจึงค่อยเพิ่มความถี่เป็นสัปดาห์ละ 4-5 วันตามโปรแกรมที่เหมาะสม
- ตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายให้ชัดเจน
สุดท้าย มือใหม่ควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่า คุณใช้เครื่องเดินวงรีเพื่ออะไร เช่น ต้องการลดไขมัน เผาผลาญพลังงาน ฟื้นฟูข้อ หรือเพิ่มสมรรถภาพหัวใจ เพราะเป้าหมายแต่ละอย่างจะมีวิธีฝึกและการตั้งค่าเครื่องที่แตกต่างกัน หากคุณกำหนดเป้าหมายได้ชัด คุณจะออกกำลังกายได้ถูกวิธี และเห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น
แนะนำยี่ห้อและรุ่นยอดนิยมของเครื่องเดินวงรี
1.เครื่องเดินวงรีจาก Homefittools (แนะนำสำหรับบ้านและฟิตเนสขนาดเล็ก)
สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องเดินวงรีในราคาคุ้มค่า แต่ได้เครื่องที่ใช้วัสดุแข็งแรงและระบบแรงต้านที่แม่นยำ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องจากแบรนด์ Homefittools ซึ่งเหมาะกับทั้งผู้ที่ต้องการออกกำลังกายจริงจังในบ้านและยิมขนาดเล็ก จุดเด่นของเครื่องเดินวงรีจาก Homefittools คือราคาประหยัดกว่าแบรนด์นำเข้า แต่ได้ฟังก์ชันและความแข็งแรงใกล้เคียงกัน ระบบแรงต้านใช้แม่เหล็กและปรับได้หลายระดับ จอแสดงผลชัดเจน ใช้งานง่าย พร้อมมีบริการติดตั้งถึงบ้านและรับประกันยาวนาน รุ่นที่แนะนำ เช่น Elliptical รุ่น X Series ที่รองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ 120-150 กิโลกรัมต่อเครื่อง
2.Johnson Horizon (รุ่นใช้งานในบ้าน ราคาคุ้มค่า)
ถ้าคุณต้องการเครื่องเดินวงรีสำหรับใช้ในบ้านในราคาจับต้องได้ โค้ชปูแน่นแนะนำแบรนด์ Horizon จาก Johnson Health Tech จุดเด่นคือขนาดเครื่องไม่ใหญ่มาก รองรับการพับเก็บในบางรุ่น และมีแรงต้านเพียงพอสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายทั่วไป รุ่นที่น่าสนใจเช่น Horizon Andes Series ที่ออกแบบให้เคลื่อนไหวตามธรรมชาติและใช้พื้นที่ติดตั้งไม่มาก ราคาของ Horizon จะอยู่ในระดับ 30,000-80,000 บาท เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการเครื่องเดินวงรีไว้ใช้งานที่บ้าน
3.Precor (แบรนด์ระดับโลกที่คิดค้นเครื่องเดินวงรีเครื่องแรก)
ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องเดินวงรีที่ถูกออกแบบมาในระดับฟิตเนสมืออาชีพ โค้ชปูแน่นขอแนะนำแบรนด์ Precor เป็นตัวเลือกแรก แบรนด์นี้คือผู้คิดค้นเครื่องเดินวงรีเครื่องแรกของโลกในชื่อรุ่น EFX และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นของเครื่องจาก Precor คือการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลตามหลักสรีรศาสตร์ ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าที่ละเอียด รวมถึงฟังก์ชัน CrossRamp ที่ปรับองศาการก้าวได้หลากหลาย ช่วยให้การออกกำลังกายแตกต่างจากเครื่องทั่วไป เครื่อง Precor เหมาะสำหรับยิมขนาดใหญ่หรือบ้านลูกค้าที่ต้องการลงทุนระยะยาว แต่ราคาค่อนข้างสูง เครื่องรุ่นเริ่มต้นจะอยู่ที่หลักแสนไปจนถึงหลายแสนบาท
4.Matrix (เครื่องเดินวงรีเชิงพาณิชย์รุ่นยอดนิยมในไทย)
ถ้าคุณเคยไปฟิตเนสเชิงพาณิชย์ในไทย เช่น ฟิตเนสในห้างหรือยิมใหญ่ ๆ คุณจะเห็นเครื่อง Matrix อยู่ในหลายที่ จุดเด่นของ Matrix คือความทนทาน เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องทั้งวัน ระบบแรงต้านมีความแม่นยำ รองรับน้ำหนักผู้เล่นได้มากถึง 180-200 กิโลกรัมต่อเครื่อง รุ่นยอดนิยม เช่น Matrix E30 หรือ E50 ที่มีระบบ Ergo Form Grips ช่วยให้จับถนัดมือมากขึ้น เครื่อง Matrix ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมของยิมขนาดกลางถึงใหญ่ในประเทศไทย
หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อเครื่องเดินวงรี (คู่มือโค้ชปูแน่น)
- เลือกจากเป้าหมายการใช้งานของคุณเป็นหลัก
ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องเดินวงรี คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณต้องการเครื่องนี้ไปใช้เพื่ออะไร ถ้าเป้าหมายของคุณคือการลดไขมันและใช้งานทุกวัน ควรเลือกเครื่องที่มีโครงสร้างแข็งแรง ระบบแรงต้านแม่นยำ และรองรับการใช้งานหนัก แต่ถ้าคุณออกกำลังกายสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือใช้งานเบาๆ ในบ้าน เครื่องระดับเริ่มต้นหรือรุ่นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปก็เพียงพอแล้ว โค้ชแนะนำให้วางเป้าหมายชัดเจน เพื่อเลือกเครื่องที่ตอบโจทย์ ไม่มากเกินไปหรือถูกเกินไปจนเสียเงินเปล่า
- ดูที่โครงสร้างเครื่องและวัสดุเป็นอันดับแรก
เครื่องเดินวงรีที่ดี ต้องมีโครงสร้างที่มั่นคงและแข็งแรงเป็นอันดับหนึ่ง ควรเลือกเครื่องที่ใช้โครงสร้างเหล็กเต็มระบบ ไม่ใช่พลาสติกหรือเหล็กบางๆ เพราะเครื่องจะต้องรับน้ำหนักตัวคุณทุกจังหวะเหยียบ และเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องหลายหมื่นครั้ง หากวัสดุไม่ดีพอ เครื่องจะมีอายุการใช้งานสั้นและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องที่รองรับน้ำหนักผู้เล่นได้อย่างน้อย 120-150 กิโลกรัมขึ้นไป และมีโครงสร้างแข็งแรง ไม่โยกซ้ายขวาขณะเล่น
- ระบบแรงต้านต้องเป็นแม่เหล็กหรือแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic / EMS)
ระบบแรงต้านที่ดีจะทำให้คุณควบคุมระดับความหนักได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ เครื่องรุ่นราคาถูกบางรุ่นใช้แรงต้านแบบสายพาน ซึ่งปรับได้ไม่ละเอียดและเสื่อมสภาพเร็ว โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องที่ใช้แรงต้านแม่เหล็ก (Magnetic Resistance) หรือแม่เหล็กไฟฟ้า (EMS - Electromagnetic Resistance) ซึ่งให้แรงต้านคงที่และลื่นไหลในทุกจังหวะ ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าจะตอบสนองการปรับแบบอัตโนมัติและละเอียดมากกว่า จึงเหมาะกับคนที่ออกกำลังจริงจัง
- ระบบ Flywheel ต้องมีน้ำหนักเหมาะสม
Flywheel หรือล้อหมุนภายในเครื่องมีผลโดยตรงต่อความลื่นไหลและแรงเฉื่อยในขณะเหยียบ หาก Flywheel เบาเกินไป เครื่องจะหมุนสะดุด เหยียบไม่ลื่น ให้เลือกเครื่องที่มี Flywheel หนักอย่างน้อย 7-10 กิโลกรัมขึ้นไป เครื่องที่ Flywheel หนักจะให้แรงเฉื่อยคงที่ เหยียบลื่น ลดแรงกระชาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานระยะยาว
- แผงควบคุมและจอแสดงผลใช้งานง่าย
จอควบคุมและระบบแสดงผลของเครื่องควรแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระยะเวลา, ระยะทาง, รอบขา, แรงต้าน, แคลอรี่ที่เผาผลาญ, และอัตราการเต้นหัวใจอย่างชัดเจน เครื่องรุ่นใหม่ๆ ควรมีโปรแกรมอัตโนมัติให้เลือก และสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันออกกำลังกายได้เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการฝึก
- เลือกเครื่องที่มีขนาดและพื้นที่ติดตั้งเหมาะกับบ้านหรือฟิตเนสของคุณ
เครื่องเดินวงรีมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ควรวัดพื้นที่ก่อนตัดสินใจซื้อ เลือกเครื่องที่เหมาะสมกับพื้นที่ของคุณ ไม่ควรซื้อเครื่องใหญ่เกินไปจนทำให้พื้นที่ออกกำลังกายแออัด เครื่องรุ่นบ้านบางรุ่นสามารถพับเก็บได้ ช่วยประหยัดพื้นที่มากขึ้น
- ราคาต้องสมเหตุสมผลกับวัสดุและการใช้งาน
ราคาของเครื่องเดินวงรีสะท้อนคุณภาพวัสดุและระบบภายในโดยตรง เครื่องราคาถูกเกินไปมักใช้วัสดุและระบบแรงต้านคุณภาพต่ำ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องในระดับราคากลางขึ้นไป ถ้าคุณเน้นใช้งานจริงจัง สำหรับใช้งานในบ้าน เลือกราคา 30,000 - 80,000 บาท จะได้เครื่องที่คุ้มค่า ใช้งานได้ยาวนาน เครื่องฟิตเนสเกรดสำหรับยิมควรอยู่ในช่วงราคา 100,000 - 500,000 บาท
- การรับประกันและบริการหลังการขายต้องชัดเจน
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบว่าเครื่องมีการรับประกันตัวเครื่อง ระบบแรงต้าน และอะไหล่สำคัญหรือไม่ โค้ชแนะนำให้เลือกเครื่องที่มีรับประกันตัวเครื่องอย่างน้อย 1-3 ปี และมีบริการดูแลหลังการขายจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีทีมช่างที่สามารถเข้าไปซ่อมบำรุงหรือส่งอะไหล่ได้จริงภายในประเทศ หลีกเลี่ยงเครื่องราคาถูกที่ไม่มีศูนย์บริการในประเทศ เพราะเมื่อเครื่องเสียคุณจะไม่มีอะไหล่ซ่อม และต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่อย่างแน่นอน
โค้ชปูแน่นแนะนำเสมอว่า การเลือกซื้อเครื่องเดินวงรี ไม่ควรตัดสินใจจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ควรเลือกจากเป้าหมายการใช้งานจริง ระบบแรงต้านที่แม่นยำ โครงสร้างที่แข็งแรง และบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ การลงทุนกับเครื่องที่มีคุณภาพดีตั้งแต่แรก จะช่วยให้คุณใช้งานได้ยาวนาน ปลอดภัย และออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกวัน
รีวิวรุ่นแนะนำเครื่องเดินวงรี Homefittools / Johnson Horizon / Matrix (โค้ชปูแน่นแนะนำ)
- Homefittools Elliptical
ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องเดินวงรีที่เน้นความคุ้มค่าในงบกลางๆ แต่ได้คุณภาพระดับมืออาชีพ โค้ชปูแน่นแนะนำให้เริ่มต้นจากเครื่องเดินวงรีของแบรนด์ Homefittools โดยเฉพาะรุ่น X-Series จุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้คือใช้โครงสร้างเหล็กเต็มระบบ ตัวเครื่องแข็งแรง รองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้มากถึง 150 กิโลกรัม ระบบแรงต้านเป็นแม่เหล็ก ปรับได้หลายระดับ ใช้งานง่าย เหมาะทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและคนที่ออกกำลังกายจริงจัง ตัวเครื่องให้แรงเฉื่อยและแรงต้านที่มั่นคง ทำให้เหยียบได้ลื่นและเป็นธรรมชาติทุกจังหวะ นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผลที่แสดงข้อมูลครบถ้วน เช่น ระยะทาง, แคลอรี่ที่เผาผลาญ, รอบขา, และอัตราการเต้นหัวใจอย่างชัดเจน
ที่สำคัญ เครื่อง Homefittools รุ่นนี้สามารถติดตั้งในบ้านหรือฟิตเนสขนาดเล็กได้ เพราะตัวเครื่องออกแบบให้มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป ประหยัดพื้นที่ติดตั้ง ราคาของเครื่องอยู่ในช่วงประมาณ 40,000 - 60,000 บาท ซึ่งคุ้มค่าเมื่อเทียบกับวัสดุและระบบแรงต้านที่ได้ นอกจากนี้ยังมีบริการติดตั้งถึงบ้านและรับประกันยาวนาน พร้อมทีมช่างในประเทศ ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องเดินวงรีดีๆ ในงบที่ไม่ต้องสูงระดับฟิตเนสเชิงพาณิชย์
- Johnson Horizon Andes 7i
สำหรับเครื่องเดินวงรีระดับกลางที่ใช้งานในบ้านได้ดีมาก โค้ชขอแนะนำ Horizon Andes 7i จากแบรนด์ Johnson ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายเดียวกับ Matrix แต่แบ่งไลน์ผลิตสำหรับใช้งานในบ้าน จุดเด่นของรุ่น Andes 7i คือโครงสร้างแข็งแรง รับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ถึง 136 กิโลกรัม ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าให้ความลื่นไหลในการใช้งาน ปรับระดับได้ถึง 16 ระดับ ให้แรงต้านที่ละเอียดและแม่นยำ สามารถออกกำลังกายแบบหนักได้จริง พร้อมโปรแกรมอัตโนมัติถึง 10 โปรแกรม ช่วยให้ใช้งานง่าย
ที่น่าสนใจคือเครื่องรุ่นนี้สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ช่วยประหยัดพื้นที่ติดตั้ง เหมาะกับบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด และในขณะที่ราคาถือว่าสูงกว่าเครื่องระดับเริ่มต้น แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าคุ้มค่า ราคาประมาณ 70,000 - 85,000 บาท เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเครื่องเดินวงรีที่เน้นการใช้งานจริงจังในบ้านแต่มีพื้นที่จำกัด
- Matrix E30XR / Matrix A50
ถ้าคุณต้องการเครื่องเดินวงรีระดับฟิตเนสจริงจังในบ้าน โค้ชแนะนำให้ขยับไปที่แบรนด์ Matrix ซึ่งเป็นแบรนด์เชิงพาณิชย์ที่ฟิตเนสระดับประเทศเลือกใช้งาน รุ่นที่แนะนำคือ Matrix E30 และรุ่นท็อปอย่าง Matrix A50 จุดเด่นของเครื่องทั้งสองรุ่นนี้คือโครงสร้างแข็งแรง ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าให้ความลื่นไหลเป็นพิเศษ มี Flywheel น้ำหนักสูงช่วยเพิ่มแรงเฉื่อย ให้การเคลื่อนไหวสมูทเป็นธรรมชาติไม่สะดุดแม้ในการใช้งานต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง
Matrix ใช้ระบบแรงต้านแบบ Induction Brake ที่แม่นยำสูงสุดในตลาด ปรับระดับความหนักได้ละเอียดกว่าระบบแม่เหล็กทั่วไป เหมาะกับทั้งมือใหม่และนักกีฬาที่ต้องการคาร์ดิโอแบบจริงจัง ตัวเครื่องรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานสูงสุดถึง 180 กิโลกรัม พร้อมจอสัมผัสที่เชื่อมต่อแอปออกกำลังกายและโปรแกรมเทรนนิ่งจาก Matrix ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีมือจับออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดอาการเมื่อยในระหว่างใช้งานยาวนาน
Matrix E30 จะอยู่ในช่วงราคาประมาณ 160,000 - 200,000 บาท ส่วนรุ่น A50 ที่เป็นตัวท็อปจะขยับขึ้นไปที่ 200,000 - 250,000 บาท เหมาะกับบ้านที่ต้องการเครื่องออกกำลังกายจริงจังในคุณภาพระดับฟิตเนส หรือฟิตเนสขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีผู้ใช้งานทั้งวัน โค้ชปูแน่นยืนยันว่าถ้าเลือกแบรนด์ Matrix คุณจะได้เครื่องเดินวงรีที่เป็นระดับ “ตัวท็อปของตลาด” อย่างแท้จริง
ทั้ง 3 แบรนด์นี้ คือเครื่องเดินวงรีที่โค้ชปูแน่นแนะนำให้ลูกเทรนเลือกซื้อบ่อยที่สุดในช่วงปี 2025 เพราะมีความคุ้มค่าแตกต่างกันตามระดับราคา ตั้งแต่ Homefittools สำหรับใช้งานจริงจังในบ้านในงบประหยัด, Johnson Horizon ที่ให้คุณภาพระดับฟิตเนสในราคากลางๆ, ไปจนถึง Matrix ที่ให้คุณภาพระดับฟิตเนสเชิงพาณิชย์สำหรับคนที่จริงจังกับการออกกำลังกายระดับมืออาชีพ
เครื่องเดินวงรีที่ดี จะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้ยาวนาน ปลอดภัย และช่วยให้ลดไขมันทั้งตัวได้จริงในระยะยาว ควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายของคุณครับ
เลือกดูเครื่องเดินวงรี Homefitools, Johnson และ แบรนด์อื่นๆได้ที่นี่
เปรียบเทียบสั้นๆ ระหว่างแบรนด์ดัง (Homefittools / Johnson / Matrix)
หากคุณกำลังลังเลว่าจะเลือกเครื่องเดินวงรีแบรนด์ไหนดีระหว่าง Homefittools, Johnson Horizon หรือ Matrix โค้ชปูแน่นขอช่วยสรุปให้แบบตรงไปตรงมาโดยใช้ประสบการณ์จริงจากการใช้งานกับลูกเทรนในฟิตเนสและบ้านลูกค้าหลายราย
เริ่มจาก Homefittools แบรนด์นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการเครื่องเดินวงรีใช้งานในบ้านโดยไม่ต้องลงทุนสูง จุดเด่นของ Homefittools คือให้วัสดุและระบบแรงต้านที่ดีเกินราคาค่าตัว ตัวเครื่องแข็งแรง รองรับน้ำหนักผู้เล่นได้ดีพอๆ กับเครื่องระดับยิมขนาดเล็ก ระบบแรงต้านแม่เหล็กปรับได้หลายระดับให้การใช้งานลื่นไหล แม้ไม่มีระบบแม่เหล็กไฟฟ้าแบบแบรนด์ใหญ่ๆ แต่ในงบประมาณ 40,000 ถึง 60,000 บาท ถือว่าหาเครื่องในคุณภาพระดับเดียวกันนี้จากแบรนด์นำเข้าแทบไม่ได้ โค้ชปูแน่นจึงมักแนะนำแบรนด์นี้ให้กับลูกเทรนที่ต้องการเครื่องเดินวงรีไว้ใช้ในบ้านแบบจริงจังแต่มีงบประมาณจำกัด เพราะถือว่าได้เครื่องที่เกินคุณภาพเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป
ขณะที่ Johnson Horizon เป็นทางเลือกกลางที่สมดุลระหว่างคุณภาพระดับฟิตเนสและราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายกว่าแบรนด์เชิงพาณิชย์ ตัวเครื่องของ Johnson ให้โครงสร้างแข็งแรง ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้าแม่นยำกว่า Homefittools ให้แรงต้านละเอียดกว่า เหยียบลื่นกว่า รองรับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ ได้ดีกว่า และมักมีโปรแกรมอัตโนมัติที่หลากหลายกว่าด้วย จุดเด่นอีกอย่างของเครื่องเดินวงรีจาก Johnson คือขนาดเครื่องที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ติดตั้งในบ้านง่าย และบางรุ่นพับเก็บได้ ซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนที่อยู่บ้านหรือคอนโด มีพื้นที่จำกัด แต่ต้องการเครื่องคุณภาพสูง โค้ชมักแนะนำแบรนด์ Johnson ให้กับลูกเทรนที่จริงจังกับการลดไขมันในระยะยาว แต่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ติดตั้ง เพราะคุณจะได้เครื่องในระดับฟิตเนสขนาดเล็กโดยไม่ต้องจ่ายถึงหลักแสน ราคาของ Johnson Horizon ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเจ็ดหมื่นถึงไม่เกินแปดหมื่นบาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับเครื่องที่ให้แรงต้านละเอียดและระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
สำหรับ Matrix โค้ชปูแน่นขอสรุปให้เลยว่าคือแบรนด์ระดับมืออาชีพที่ฟิตเนสชื่อดังทั่วโลกเลือกใช้งาน เครื่องของ Matrix ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่อเนื่องตลอดวันโดยไม่ต้องหยุดพัก ระบบแรงต้านเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าขั้นสูง ปรับละเอียดมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการฝึกในระดับนักกีฬา ฟังก์ชันภายในเครื่องเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและโปรแกรมฝึกออนไลน์ได้ ตัวเครื่องมีจอสัมผัสขนาดใหญ่ แข็งแรงทนทาน รองรับน้ำหนักผู้ใช้งานสูงถึง 180 กิโลกรัม จังหวะการเหยียบเป็นธรรมชาติมาก เหยียบแล้วลื่นไหลอย่างสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาเครื่องทั้งหมดที่โค้ชเคยใช้มา ราคาก็สมกับคุณภาพ เพราะอยู่ในช่วงตั้งแต่หลักแสนกลางๆ ไปจนถึงสองถึงสามแสนบาท จึงเหมาะกับผู้ที่จริงจังกับการออกกำลังกายในระดับนักกีฬาหรือฟิตเนสเชิงพาณิชย์ที่มีผู้ใช้งานตลอดวัน แต่สำหรับคนทั่วไปที่มีงบไม่ถึงระดับนี้ โค้ชแนะนำให้เลือกระหว่าง Homefittools กับ Johnson Horizon ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว
สรุปง่ายๆ หากคุณต้องการเครื่องที่คุ้มค่าสำหรับใช้ในบ้าน Homefittools จะตอบโจทย์ที่สุดในแง่ของราคาและวัสดุที่เกินราคา แต่ถ้าคุณจริงจังกับการออกกำลังกายมากขึ้นในบ้าน และต้องการเครื่องที่มีระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบพร้อมความทนทานระดับยิมขนาดเล็ก Johnson Horizon คือทางเลือกที่น่าสนใจ ในขณะที่ถ้าคุณมีงบประมาณสูง และต้องการเครื่องระดับฟิตเนสมืออาชีพที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวล Matrix จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดอย่างไม่ต้องสงสัย
เครื่องเดินวงรีมือสองควรดูอะไรบ้าง? (คู่มือโค้ชปูแน่น)
- ตรวจสอบสภาพโครงสร้างเครื่อง
สิ่งแรกที่ต้องดูคือโครงสร้างของเครื่องว่ามีสนิม รอยร้าว หรือการเชื่อมซ่อมแซมหรือไม่ เพราะเครื่องเดินวงรีต้องรับน้ำหนักตัวคุณเต็ม ๆ ทุกจังหวะเหยียบ ถ้าโครงสร้างไม่สมบูรณ์ หรือมีรอยเชื่อมต่อใหม่ ๆ ที่ไม่ได้มาจากโรงงาน ให้หลีกเลี่ยงทันที เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเครื่องเคยหักหรือเสียหายมาก่อน ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ไม่ควรเสี่ยง
- ตรวจสอบระบบแรงต้านว่าทำงานสมบูรณ์หรือไม่
เครื่องเดินวงรีมือสองส่วนใหญ่มักเจอปัญหาระบบแรงต้านไม่ทำงานหรือแรงต้านเสีย ถ้าเป็นระบบแม่เหล็กธรรมดา อาจเกิดจากสายเคเบิลขาด แต่ถ้าเป็นระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หากระบบไฟฟ้าภายในเสียซ่อมค่อนข้างยากและแพง ควรลองหมุนแรงต้านทุกระดับตั้งแต่ต่ำสุดจนถึงสูงสุด แล้วเหยียบดูว่าแรงต้านมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าแรงต้านค้างหรือไม่ตอบสนอง ควรหลีกเลี่ยงทันที
- เช็กเสียงและจังหวะการหมุนของเครื่อง
เครื่องเดินวงรีที่ดีต้องหมุนลื่น ไม่สะดุด และไม่มีเสียงดังผิดปกติ ลองเหยียบเครื่องและฟังเสียงระหว่างใช้งาน หากมีเสียงดังครืด คราด หรือเสียงโลหะเสียดสีกัน เป็นสัญญาณว่าเครื่องมีปัญหากับระบบลูกปืนหรือชุดขับภายในซึ่งซ่อมยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ให้หลีกเลี่ยงการซื้อทันที
- ตรวจสอบหน้าจอและระบบอิเล็กทรอนิกส์
หน้าจอแสดงผลต้องทำงานปกติ แสดงตัวเลขครบทุกฟังก์ชัน เช่น เวลา ระยะทาง แคลอรี่ RPM และ Heart Rate ถ้าเครื่องรุ่นนั้นมีฟังก์ชันตรวจวัดชีพจร หรือต่อ Bluetooth ได้ ต้องลองทดสอบว่าทำงานได้สมบูรณ์ หากจอดับบางส่วน หรือตัวเลขแสดงผลผิดปกติ นั่นอาจหมายถึงวงจรภายในเสียหายและซ่อมแซมยาก
- ตรวจสอบอายุการใช้งานและประวัติการใช้งานเครื่อง
ถามผู้ขายถึงอายุการใช้งานเครื่องจริง และเครื่องนี้เคยใช้งานในบ้านหรือฟิตเนสหรือไม่ ถ้าเครื่องเคยอยู่ในฟิตเนส เครื่องอาจถูกใช้งานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมง ทำให้สภาพภายในสึกหรอสูง แต่ถ้าเป็นเครื่องที่เจ้าของใช้เองในบ้านและดูแลรักษาดี จะมีสภาพที่ดีกว่ามาก หากเลือกได้ ควรเลือกเครื่องที่มีประวัติใช้งานน้อยและใช้ในบ้าน
- ตรวจสอบใบเสร็จหรือเอกสารการรับประกันเดิม (ถ้ามี)
เครื่องเดินวงรีมือสองที่ดีควรมีใบเสร็จหรือเอกสารรับประกันเดิมอย่างน้อยให้ดู เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเครื่องที่ได้มาถูกต้อง มีประวัติการซื้อขายจริง และจะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นว่าคุณไม่ได้ซื้อเครื่องที่ถูกขโมยมาหรือมีประวัติผิดปกติ
- ตรวจสอบว่ามีบริการหลังการขายหรืออะไหล่รองรับหรือไม่
ควรเลือกซื้อเครื่องที่ยังมีศูนย์บริการหรือบริษัทที่ดูแลอยู่ในประเทศ เพื่อให้สามารถซ่อมบำรุงหรือหาอะไหล่เปลี่ยนได้ง่าย เครื่องมือสองบางเครื่องเป็นรุ่นนำเข้าพิเศษหรือรุ่นเลิกผลิตแล้ว ทำให้ไม่มีอะไหล่เปลี่ยนและซ่อมไม่ได้
- ทดสอบใช้งานจริงอย่างน้อย 10-15 นาที ก่อนตัดสินใจซื้อ
อย่าตัดสินใจซื้อเครื่องมือสองโดยไม่ลองเหยียบจริง เพราะหลายปัญหา เช่น เสียงดัง จังหวะการหมุนสะดุด หรือแรงต้านเพี้ยน จะรู้สึกได้จริงเมื่อคุณเหยียบบนเครื่อง ลองทดสอบการทำงานของทุกระบบอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องเสียหรือซ่อมไม่ได้ในภายหลัง
หากคุณตรวจสอบครบทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว เครื่องเดินวงรีมือสองที่คุณกำลังจะซื้อน่าจะปลอดภัยและใช้งานได้ดีในระยะยาว โค้ชปูแน่นแนะนำว่า หากคุณไม่มีความรู้ในการตรวจเช็กเครื่อง ควรพาเทรนเนอร์หรือช่างผู้เชี่ยวชาญไปช่วยดูเครื่องก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ เพื่อให้ได้เครื่องมือสองที่มีคุณภาพ ไม่เสียเงินฟรีครับ
เครื่องเดินวงรี VS เครื่องปั่นวงรี (Elliptical Bike) เลือกแบบไหนเหมาะกับคุณ?
ในฟิตเนสหรือแม้แต่ในร้านขายอุปกรณ์ออกกำลังกาย หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าเครื่องเดินวงรี กับอีกเครื่องที่เรียกว่าเครื่องปั่นวงรี หรือบางคนเรียกว่าจักรยานวงรี ทั้งสองอย่างนี้ชื่อคล้ายกันจนหลายคนสับสน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองเครื่องมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และส่งผลต่อเป้าหมายของผู้ใช้งานในแบบที่ต่างกันออกไปด้วย โค้ชปูแน่นจึงอยากช่วยอธิบายให้คุณเข้าใจง่ายๆ แบบที่โค้ชมักจะอธิบายให้ลูกเทรนฟังเวลาพาเลือกเครื่องที่ฟิตเนส
เครื่องเดินวงรี หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ Elliptical Trainer เป็นเครื่องคาร์ดิโอที่ออกแบบให้การเคลื่อนไหวของเท้าและขาเป็นไปตามเส้นทางวงรี โดยที่เท้าไม่ต้องยกจากแป้นวางเท้า ลักษณะการเคลื่อนไหวจะเหมือนการเดินหรือวิ่งบนอากาศ ขณะเดียวกัน มือจับด้านหน้าที่เคลื่อนที่ได้ จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แขนช่วยดึงและผลัก ทำให้เกิดการออกแรงทั้งช่วงล่าง ช่วงบน และกล้ามเนื้อแกนกลางในเวลาเดียวกัน ถือเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบ Total Body ที่ใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว เครื่องเดินวงรีจึงเหมาะกับคนที่ต้องการคาร์ดิโอแบบเผาผลาญทั้งตัว หรือคนที่มีปัญหาข้อเข่าและข้อเท้า เพราะเครื่องนี้ช่วยลดแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่เครื่องปั่นวงรี หรือที่เรียกกันว่า Elliptical Bike จะเป็นเครื่องออกกำลังกายประเภทนั่งปั่น การเคลื่อนไหวของขาจะเป็นแนววงรีเหมือนกัน แต่ผู้เล่นจะนั่งอยู่กับที่ โดยวางเท้าบนแป้นปั่นแล้วเคลื่อนไหวในลักษณะกึ่งวงกลม หรือวงรีเล็กๆ คล้ายการปั่นจักรยาน ข้อดีของเครื่องปั่นวงรีคือเป็นเครื่องที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้พลังงานมากเท่าเครื่องเดินวงรี เพราะผู้เล่นจะนั่งปั่นอยู่กับที่ ใช้เพียงกล้ามเนื้อขาและสะโพกในการออกแรง ทำให้เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพร่างกายที่ไม่สามารถออกแรงมากได้
ถ้าถามว่าเครื่องไหนเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน คำตอบคือเครื่องเดินวงรี เพราะการออกแรงทั้งตัวช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เครื่องปั่นวงรีจะใช้พลังงานน้อยกว่า เพราะคุณนั่งอยู่กับที่และใช้แรงเฉพาะกล้ามเนื้อขาเท่านั้น ในแง่ของระยะเวลาการออกกำลังกาย เครื่องปั่นวงรีอาจจะเล่นได้นานกว่า เพราะไม่เหนื่อยเท่าเครื่องเดินวงรี แต่ในแง่ของประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันต่อหน่วยเวลา เครื่องเดินวงรีให้ผลดีกว่ามาก
อีกจุดที่ต่างกันอย่างชัดเจนคือเรื่องของพื้นที่ติดตั้ง เครื่องปั่นวงรีมักจะมีขนาดเครื่องที่เล็กกว่าพอสมควร ใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด แต่เครื่องเดินวงรีจะกินพื้นที่มากกว่า เพราะตัวเครื่องต้องออกแบบให้รองรับการเคลื่อนไหวทั้งแขนและขา รวมถึงมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือประสิทธิภาพการออกกำลังกายที่เหนือกว่า
สรุปง่ายๆ ว่า ถ้าเป้าหมายของคุณคือการออกกำลังกายเพื่อลดไขมัน เผาผลาญพลังงานจริงจัง และเพิ่มสมรรถภาพร่างกายทั้งตัว คุณควรเลือกเครื่องเดินวงรี แต่ถ้าคุณเป็นผู้สูงอายุ หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ เช่น เจ็บหลัง ปวดข้อ หรือไม่สามารถออกแรงมากได้ เครื่องปั่นวงรีจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า เพราะสามารถใช้งานแบบเบาๆ ได้โดยไม่เสี่ยงบาดเจ็บ
จากประสบการณ์ตรงของโค้ชปูแน่น เครื่องเดินวงรีเหมาะกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการออกกำลังกายลดไขมันจริงๆ ในขณะที่เครื่องปั่นวงรีจะเหมาะสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการขยับร่างกายแบบเบาๆ ไม่ได้เน้นเผาผลาญพลังงานมากนัก ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการฟิตร่างกายให้แข็งแรง ลดไขมัน หรือเพิ่มสมรรถภาพแบบเห็นผลชัดเจน เครื่องเดินวงรีจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าและคุ้มค่ากว่ามากในระยะยาว
เครื่องออกกำลังกายทั้งสองประเภทนี้จึงตอบโจทย์เป้าหมายและสภาพร่างกายของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าคุณเลือกให้เหมาะกับตัวเองตั้งแต่ต้น คุณจะไม่เสียเงินซื้อผิดแน่นอน
เลือกเครื่องออกกำลังกายแบบไหน เหมาะกับเป้าหมายของคุณ
- ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “ลดไขมัน เผาผลาญสูงสุด” ต้องเลือกเครื่องเดินวงรี
เพราะเครื่องเดินวงรีออกแบบมาให้ใช้กล้ามเนื้อพร้อมกันทั้งตัว การออกแรงจากขาและแขนช่วยให้หัวใจทำงานหนักขึ้นในเวลาสั้นๆ ส่งผลให้อัตราการเผาผลาญพลังงานสูงกว่าการออกกำลังกายด้วยเครื่องประเภทนั่ง เช่น จักรยานปั่น หรือเครื่องปั่นวงรี เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ผู้ที่ตั้งใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายลดไขมัน ลดรอบเอว หรือเพิ่มความฟิตโดยรวม
- ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “แค่ขยับร่างกายเบา ๆ หรือฟื้นฟูร่างกาย” ควรเลือกเครื่องปั่นวงรี
เครื่องปั่นวงรีเหมาะกับกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดด้านร่างกาย เช่น มีอาการปวดข้อ เข่าไม่ดี หรืออยู่ในช่วงพักฟื้นหลังการบาดเจ็บ เครื่องนี้ช่วยให้ขยับร่างกายได้โดยไม่ต้องรับน้ำหนักตัว เพราะคุณจะนั่งปั่นอยู่กับที่ ใช้เฉพาะกล้ามเนื้อขาและสะโพก เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายเบาๆ วันละ 10-20 นาที เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตหรือขยับตัวเล็กน้อย ไม่เน้นออกแรงหนัก
- เครื่องเดินวงรีเหมาะกับคนที่ตั้งใจออกกำลังกายจริงจัง
ถ้าคุณเป็นคนที่อยากเห็นผลลัพธ์ ลดไขมันจริงจัง ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน เครื่องเดินวงรีตอบโจทย์มากกว่า เพราะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าทุกเครื่องคาร์ดิโออื่นๆ ในแง่ของการออกกำลังทั้งตัว เผาผลาญได้รวดเร็ว ใช้งานได้ทั้งแบบคาร์ดิโอทั่วไปและแบบ HIIT การใช้เครื่องเดินวงรีอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะช่วยให้คุณเปลี่ยนรูปร่างและพัฒนาสมรรถภาพร่างกายได้จริงในระยะเวลาไม่กี่เดือน
- เครื่องปั่นวงรีเหมาะกับคนที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ
สำหรับคนที่ข้อเข่าไม่ดี หลังมีปัญหา หรือไม่สามารถออกแรงหนักได้ เครื่องปั่นวงรีเป็นเครื่องที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่ต้องแบกรับน้ำหนักตัว ใช้เพียงขานั่งปั่นเบาๆ เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาระบบไหลเวียนเลือด ป้องกันข้อยึด หรือขยับร่างกายเบาๆ ในชีวิตประจำวัน
- เครื่องเดินวงรีเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าเครื่องปั่นวงรีหลายเท่า
จากประสบการณ์โค้ช หากลูกศิษย์ใช้เครื่องเดินวงรี 30 นาที จะเผาผลาญได้ประมาณ 300-500 แคลอรี (ขึ้นกับระดับความเข้มข้น) แต่ถ้าใช้เครื่องปั่นวงรีในระยะเวลาเท่ากัน พลังงานที่เผาผลาญจะอยู่ราว 150-200 แคลอรีเท่านั้น เพราะใช้แค่ขาออกแรงอย่างเดียว ต่างจากเครื่องเดินวงรีที่ใช้ทั้งตัว เผาผลาญได้มากกว่าในเวลาสั้นกว่า
- เครื่องเดินวงรีต้องใช้พื้นที่ติดตั้งมากกว่าเครื่องปั่นวงรี
เพราะเครื่องเดินวงรีมีมือจับเคลื่อนที่และวงเหยียบที่กว้างกว่า ตัวเครื่องต้องรองรับแรงเหยียบเต็มตัว ทำให้ขนาดเครื่องค่อนข้างใหญ่กว่าพอสมควร ถ้าคุณมีพื้นที่จำกัด เครื่องปั่นวงรีที่มีขนาดเล็กกว่าอาจเหมาะกว่า แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ในการออกกำลังกาย ควรจัดพื้นที่เพื่อวางเครื่องเดินวงรีโดยเฉพาะ
- เครื่องเดินวงรีคุ้มค่ากว่าในระยะยาว ถ้าเน้นออกกำลังกายจริงจัง
แม้ว่าเครื่องเดินวงรีอาจมีราคาสูงกว่า แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่า เพราะช่วยให้คุณลดไขมันและเพิ่มความฟิตได้จริง ออกกำลังกายได้ทั้งตัว เหมาะกับการฝึกอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี ถ้าคุณจริงจังและวางแผนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เครื่องเดินวงรีคือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด
- เครื่องปั่นวงรีคุ้มกว่าสำหรับคนที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย หรือเน้นออกกำลังกายเบา ๆ
สำหรับผู้สูงอายุ หรือคนที่มีข้อจำกัดจริง ๆ เครื่องปั่นวงรีจะใช้งานง่ายกว่า เล่นได้นานโดยไม่เมื่อย ใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องออกแรงเยอะ แต่ได้ขยับตัวเพียงพอในการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต เหมาะกับเป้าหมายรักษาสุขภาพขั้นพื้นฐานมากกว่าการลดไขมันแบบจริงจัง
สรุปสั้น ๆ จากโค้ชปูแน่นแบบชัดเจนที่สุด
- อยากลดไขมันทั้งตัว เผาผลาญสูง ใช้งานจริงจัง = เลือกเครื่องเดินวงรี
- อยากขยับเบา ๆ ไม่เน้นออกแรง ข้อเข่าไม่ดี = เลือกเครื่องปั่นวงรี
การดูแลรักษาเครื่องเดินวงรี (แนะนำโดยโค้ชปูแน่น)
- ทำความสะอาดพื้นผิวเครื่องหลังใช้งานทุกครั้ง
หลังใช้งานแต่ละครั้ง ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่อง โดยเฉพาะบริเวณแป้นวางเท้า มือจับ และจอควบคุม เพราะเหงื่อจากร่างกายที่ตกลงบนเครื่องจะมีความเป็นกรดเล็กน้อย หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดคราบฝังแน่นหรือทำลายพื้นผิวเครื่องในระยะยาว หากคุณใช้งานทุกวัน ควรเช็ดเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เครื่องดูใหม่และยืดอายุการใช้งาน
- หมั่นตรวจสอบลูกรอกและสายพานทุกเดือน
ลูกรอกและสายพานคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เครื่องเดินวงรีหมุนได้อย่างลื่นไหล หากปล่อยให้มีฝุ่นหรือเศษสิ่งสกปรกสะสม อาจทำให้เครื่องหมุนฝืดหรือเกิดเสียงดังผิดปกติ คุณควรตรวจสอบบริเวณใต้แป้นวางเท้าและบริเวณชุดขับเคลื่อนเดือนละครั้ง โดยใช้ผ้าแห้งหรือแปรงขนอ่อนปัดฝุ่นออกให้เรียบร้อย หากพบว่าลูกรอกหรือสายพานแห้ง ให้ปรึกษาช่างหรือศูนย์บริการ เพื่อเติมน้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมกับเครื่องแต่ละรุ่น
- ระวังอย่าใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
ห้ามใช้น้ำยาล้างจาน น้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแรงในการทำความสะอาดเครื่อง เพราะจะทำลายพื้นผิวเคลือบของเครื่องและอาจทำลายส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้ใช้เพียงน้ำเปล่าหรือสเปรย์น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทางสำหรับเครื่องออกกำลังกายเท่านั้น
- ตรวจสอบระบบแรงต้านอย่างสม่ำเสมอ
ควรทดสอบระบบแรงต้านเป็นประจำ โดยลองปรับตั้งแต่แรงต้านต่ำสุดไปถึงสูงสุดทุกระดับ หากพบว่าแรงต้านไม่เปลี่ยนแปลง หรือมีอาการค้างในบางระดับ อาจมีปัญหาที่สายเคเบิลหรือระบบแม่เหล็กภายใน ให้แจ้งช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่ลุกลาม
- หมั่นเช็กข้อต่อและสกรูว่าแน่นดีหรือไม่
แรงเหยียบและแรงกดที่ถ่ายลงเครื่องทุกวัน อาจทำให้สกรูและข้อต่อบางส่วนคลายตัว หากปล่อยไว้อาจทำให้เครื่องโยกหรือเกิดเสียงดัง ควรตรวจสอบความแน่นของสกรูและข้อต่อทุก ๆ 1-2 เดือน โดยเฉพาะบริเวณฐานเครื่องและจุดยึดมือจับ หากพบว่าสกรูคลายตัวให้ขันให้แน่นทันที
- ไม่ควรวางเครื่องในที่อับชื้นหรือแดดจัด
สถานที่ติดตั้งเครื่องควรเป็นพื้นที่อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น และไม่มีแสงแดดจัดส่องโดยตรง เพราะความชื้นสะสมจะทำให้เกิดสนิมและความร้อนจากแสงแดดจะทำให้พลาสติกหรือวัสดุเคลือบบางส่วนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากเป็นไปได้ควรวางเครื่องในห้องแอร์หรือห้องออกกำลังกายโดยเฉพาะ
- ใช้ปลั๊กไฟแยกเฉพาะเครื่อง ไม่ใช้ปลักรวมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น
สำหรับเครื่องที่มีระบบไฟฟ้า เช่น ระบบแรงต้านแม่เหล็กไฟฟ้า หรือหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ควรเสียบปลั๊กไฟเฉพาะเครื่อง ไม่ควรใช้ปลักรางร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟกระชากหรือไฟตกที่อาจทำให้แผงวงจรเสียหาย
- เรียกช่างตรวจสภาพเครื่องปีละ 1 ครั้ง
แม้จะดูแลรักษาเองเป็นประจำ แต่โค้ชแนะนำให้เรียกช่างหรือศูนย์บริการเข้ามาตรวจสภาพเครื่องแบบละเอียดปีละครั้ง โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้งานหนักทุกวัน การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจะช่วยยืดอายุเครื่องให้ใช้งานได้ยาวนาน 5-10 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงบ่อยครั้งในอนาคต
เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ลงทุนครั้งเดียว แต่ถ้าคุณดูแลถูกวิธี จะใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ โค้ชปูแน่นแนะนำให้ทำตาม 8 ข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เครื่องของคุณลื่น เงียบ และปลอดภัยเหมือนใหม่ทุกวันครับ
ตารางแนะนำการบำรุงรักษารายเดือนและแก้ปัญหาเบื้องต้น (โค้ชปูแน่นแนะนำ)
- ตรวจสอบและทำความสะอาดพื้นผิวเครื่อง ทุกวันหลังใช้งาน
ทุกครั้งหลังการออกกำลังกาย ควรเช็ดเครื่องให้สะอาด โดยเฉพาะแป้นเหยียบ มือจับ และจอควบคุม เพื่อกำจัดเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้พื้นผิวเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เท่านั้น หลีกเลี่ยงน้ำยากัดกร่อน
- เช็กแรงต้านและระบบแม่เหล็ก เดือนละครั้ง
ให้ลองหมุนแรงต้านทีละระดับตั้งแต่ต่ำสุดถึงสูงสุด แล้วเหยียบเครื่องดูว่าการตอบสนองปกติหรือไม่ หากแรงต้านไม่เปลี่ยนแปลง หรือรู้สึกผิดปกติในบางระดับ อาจมีปัญหาที่ระบบแม่เหล็กหรือสายเคเบิล ควรเรียกช่างตรวจสอบทันที
- ปัดฝุ่นบริเวณลูกรอกและสายพาน เดือนละครั้ง
บริเวณใต้แป้นเหยียบและชุดสายพาน เป็นจุดที่ฝุ่นและเศษสิ่งสกปรกมักสะสม ควรใช้แปรงขนอ่อนหรือผ้าแห้งทำความสะอาดเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้เครื่องหมุนลื่นและเงียบ หากพบว่าฝืดหรือมีเสียงผิดปกติ ควรให้ช่างเติมน้ำมันหล่อลื่นเฉพาะจุด
- ตรวจสอบเสียงผิดปกติของเครื่อง ทุกสัปดาห์
ขณะใช้งาน ให้สังเกตว่ามีเสียงโลหะเสียดสี หรือเสียงดังผิดปกติบริเวณแป้นเหยียบหรือส่วนประกอบใดหรือไม่ หากพบเสียงแปลก ควรหยุดใช้งานและให้ช่างตรวจเช็กเครื่องทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่ใหญ่ขึ้น
- ตรวจความแน่นของสกรูและข้อต่อ ทุก 2 เดือน
แรงเหยียบต่อเนื่องอาจทำให้สกรูและข้อต่อคลายตัว ตรวจสอบและขันสกรูให้แน่นทุก 1-2 เดือน โดยเฉพาะบริเวณฐานเครื่อง มือจับ และจุดหมุน เพื่อป้องกันเครื่องโยกหรือเกิดเสียงดังระหว่างใช้งาน
- ตรวจระบบหน้าจอและฟังก์ชันไฟฟ้า ทุก 2 เดือน
ลองกดปุ่มควบคุมหน้าจอ ตรวจสอบการแสดงผลของตัวเลขและโปรแกรมทั้งหมด หากจอดับบางส่วนหรือตัวเลขแสดงผิดปกติ อาจมีปัญหาวงจรไฟฟ้าภายใน ควรให้ช่างตรวจเช็กทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
- เรียกช่างตรวจสภาพเครื่องแบบละเอียด ทุก 12 เดือน (ปีละครั้ง)
แม้เครื่องจะไม่มีปัญหาใด ๆ แต่โค้ชปูแน่นแนะนำให้เรียกช่างหรือศูนย์บริการมาตรวจสภาพเครื่องอย่างละเอียดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ช่างจะตรวจระบบภายใน เช่น ลูกปืน ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า และสายพาน เพื่อทำการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องให้ใช้งานได้อีกหลายปี
- วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเมื่อพบเครื่องเสียงดังหรือแรงต้านค้าง
- กรณีเครื่องมีเสียงดัง ให้ตรวจว่ามีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกติดใต้แป้นเหยียบหรือไม่ ถ้ามีให้ทำความสะอาดทันที หากไม่หาย เสียงอาจมาจากระบบลูกรอก ควรหยุดใช้งานและเรียกช่างตรวจเช็ก
- กรณีแรงต้านค้างหรือไม่เปลี่ยน ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่เพื่อตรวจสอบระบบไฟฟ้า หากยังไม่หาย อาจมีปัญหาสายเคเบิลหรือระบบแม่เหล็ก ต้องให้ช่างเข้าดูแล
หากคุณดูแลเครื่องเดินวงรีตามตารางนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เครื่องของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และลดความเสี่ยงที่จะต้องซ่อมแซมด้วยค่าใช้จ่ายสูงในอนาคตได้อย่างแน่นอน โค้ชปูแน่นยืนยันว่า เครื่องเดินวงรีที่ดูแลดี สามารถใช้งานได้เกิน 10 ปีแบบไม่มีปัญหาครับ
รีวิวจากผู้ใช้จริง (Pantip และแหล่งข้อมูลอื่น)
- ผู้ใช้จริงส่วนใหญ่ชื่นชอบเพราะ “ข้อเข่าไม่เจ็บ แต่เผาผลาญดี”
จากกระทู้รีวิวใน Pantip และฟอรั่มต่าง ๆ ส่วนใหญ่ผู้ใช้งานยืนยันว่าเครื่องเดินวงรีช่วยให้สามารถออกกำลังกายได้โดยไม่มีอาการปวดเข่าหรือข้อเท้า ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคนที่วิ่งบนลู่วิ่งหรือวิ่งจริง ผู้หญิงหลายคนที่มีน้ำหนักตัวมากและมีอาการเจ็บเข่ามาก่อน ได้ลองเปลี่ยนมาใช้เครื่องเดินวงรีแล้วพบว่าสามารถออกกำลังกายได้สม่ำเสมอมากขึ้น เพราะไม่รู้สึกเจ็บข้ออีกต่อไป และสามารถเล่นได้นานกว่าเครื่องอื่น
- หลายคนประสบปัญหา “เครื่องราคาถูก ใช้แล้วไม่ฟิน”
ในกลุ่มคนที่ซื้อเครื่องเดินวงรีราคาถูก (ต่ำกว่า 20,000 บาท) ส่วนใหญ่รีวิวว่าเครื่องหมุนฝืด แรงต้านเพี้ยน หรือระบบจับแขนขยับเองโดยไม่ต้องออกแรงจริง ทำให้รู้สึกว่าเหยียบไปก็ไม่ออกแรงจริงจัง ผลลัพธ์ที่ได้จึงน้อยกว่าที่คาดไว้ และเลิกใช้งานไปในที่สุด เพราะรู้สึกเบื่อและไม่สนุกกับการออกกำลังกาย โค้ชปูแน่นแนะนำเสมอว่า หากจะลงทุนกับเครื่องเดินวงรี ควรเลือกเครื่องที่มีระบบแรงต้านแม่เหล็กหรือแม่เหล็กไฟฟ้า และโครงสร้างแข็งแรงเท่านั้น
- กลุ่มคนลดน้ำหนัก รีวิวว่า “ช่วยให้คุมโซนหัวใจได้ดี”
ผู้ใช้จริงหลายคนรีวิวตรงกันว่า เครื่องเดินวงรีช่วยให้ออกกำลังกายอยู่ในโซนเผาผลาญไขมันได้ง่ายกว่าเครื่องอื่น เพราะไม่มีจังหวะกระแทกเหมือนวิ่งบนลู่วิ่ง จึงสามารถรักษาอัตราการเต้นหัวใจในระดับ 60-75% ได้อย่างต่อเนื่องนานกว่า ทำให้เผาผลาญไขมันได้ดีต่อเนื่องทั้งช่วงการออกกำลังกายและช่วงหลังออกกำลัง (EPOC)
- คำเตือนจากผู้ใช้จริง “หากซื้อเครื่องราคาต่ำเกินไป อาจไม่ได้ใช้”
ใน Pantip มีหลายกระทู้รีวิวเตือนว่า เครื่องเดินวงรีราคาถูกที่มีแรงต้านไม่พอ หรือใช้วัสดุคุณภาพต่ำ จะทำให้การเคลื่อนไหวรู้สึกฝืดหรือสะดุด เหยียบไปไม่ลื่น ทำให้เล่นได้ไม่นานก็เบื่อ เครื่องโยก เสียงดัง สุดท้ายกลายเป็นราวตากผ้า ผู้ใช้จริงส่วนหนึ่งยืนยันว่า หากตั้งใจซื้อเพื่อใช้งานจริง ควรเลือกเครื่องในระดับ 40,000 บาทขึ้นไป เพื่อให้ได้เครื่องที่ใช้ดีและเล่นได้นานจริง
- ผู้ที่มีปัญหาข้อเข่ารีวิวว่า “เป็นเครื่องที่ทำให้กลับมาออกกำลังกายได้”
มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในกลุ่มผู้สูงวัยและคนที่มีปัญหาข้อเข่าหรือปวดข้อสะโพกว่า เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องเดียวที่ช่วยให้พวกเขาสามารถออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ปวดเข่า ทำให้สามารถออกกำลังทุกวันและมีสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
- ผู้ใช้ที่เน้นฟิตหุ่น รีวิวว่า “เป็นเครื่องเบิร์นไขมันทั้งตัวที่ดีที่สุดในฟิตเนส”
ลูกค้าหลายคนในฟิตเนสรีวิวตรงกันว่า หากใช้เครื่องเดินวงรีแบบถูกวิธี ใช้แขนออกแรงจริง เล่นต่อเนื่องครั้งละ 30-45 นาที จะรู้สึกว่าทั้งตัวทำงาน ไม่ใช่แค่ขาเหมือนลู่วิ่งหรือจักรยาน ผลที่ได้คือเบิร์นได้ทั้งตัวแบบเต็มระบบในเครื่องเดียว จึงเหมาะกับคนที่เน้นลดไขมันทั้งตัวหรือทำฟิตหุ่นแบบจริงจัง
สรุปจากรีวิวผู้ใช้จริง (โดยโค้ชปูแน่น)
- เครื่องเดินวงรี “เหมาะกับคนที่ต้องการออกกำลังกายจริงจังแต่มีปัญหาข้อ”
- คนที่ซื้อเครื่องราคาถูกเกินไป ส่วนใหญ่ “เลิกใช้” เพราะเล่นแล้วไม่ฟิน
- ถ้าเลือกเครื่องดี ๆ เล่นถูกวิธี เครื่องนี้ “เบิร์นทั้งตัว และคุมหัวใจได้ดีที่สุด”
คำแนะนำและคำเตือนจากผู้ใช้งานจริง
- เครื่องราคาถูกมักกลายเป็นที่ตากผ้าในเวลาไม่นาน
ผู้ใช้จริงหลายคนแชร์ประสบการณ์ตรงว่าหากเลือกเครื่องราคาต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 20,000 บาท) เครื่องจะมีแรงต้านน้อยมาก ปรับได้ไม่ละเอียด เคลื่อนไหวฝืดหรือขาดความลื่น เสียงดังเวลาใช้งาน และไม่มีแรงต้านแขนจริง ทำให้เล่นแล้วไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเผาผลาญได้จริง ผู้ใช้หลายคนเลิกใช้เพราะรู้สึก “เล่นแล้วไม่สนุก” และสุดท้ายกลายเป็นที่แขวนผ้าภายในไม่กี่เดือน
- เครื่องที่ไม่มีแรงต้านแขนจริง ทำให้ไม่ได้เผาผลาญเต็มประสิทธิภาพ
จากรีวิวผู้ใช้จริงใน Pantip และโค้ชเองก็พบในฟิตเนสว่า เครื่องเดินวงรีบางรุ่นราคาถูก มือจับเคลื่อนที่ไปเองโดยไม่ต้องออกแรงแขนจริง นั่นหมายความว่าคุณกำลังออกแรงแค่ขา และสูญเสียประโยชน์หลักของเครื่องเดินวงรีที่ออกแบบให้เป็นการฝึกแบบทั้งตัว ผู้ใช้หลายคนบอกว่าเมื่อเปลี่ยนมาใช้เครื่องที่แขนต้องออกแรงดึงจริง ผลลัพธ์เปลี่ยนทันที รู้สึกเผาผลาญได้ดีกว่า และออกเหงื่อได้เร็วกว่า
- ผู้ใช้มือใหม่หลายคนเล่นผิดวิธีจนเสียประสิทธิภาพ
ในกลุ่มผู้เริ่มต้น มีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยมาก คือการใช้เครื่องแบบเหยียบเร็ว ๆ โดยไม่ตั้งแรงต้าน และไม่ออกแรงแขน มือจับแค่พยุงตัว ทำให้เครื่องไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้เต็มที่ ผู้ใช้หลายคนที่รู้สึกว่าเครื่องไม่เห็นลดไขมัน จริง ๆ แล้วคือใช้งานผิดวิธี เมื่อได้รับคำแนะนำว่าต้องเพิ่มแรงต้านระดับกลาง ใช้แขนดึงจริง และควบคุมจังหวะเหยียบ ร่างกายจึงเริ่มเปลี่ยนแปลง
- เครื่องเดินวงรีช่วยฟื้นฟูผู้มีปัญหาข้อเข่าได้จริง แต่ต้องเลือกเครื่องดีพอ
รีวิวจากผู้ใช้งานกลุ่มมีปัญหาข้อเข่า พบว่าเครื่องเดินวงรีเป็นตัวเลือกเดียวที่ทำให้สามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ปวดเข่า เพราะไม่มีแรงกระแทก แต่คำเตือนคือ หากซื้อเครื่องราคาถูกหรือเครื่องเลียนแบบ อาจได้วงเหยียบที่ไม่ถูกหลักสรีรศาสตร์ และมีแรงต้านที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้ข้อเข่าถูกบิดหรือใช้งานผิดทิศทาง กลายเป็นทำร้ายข้อแทนที่จะฟื้นฟู ดังนั้นผู้มีปัญหาข้อเข่าควรเลือกเครื่องดีพอเท่านั้น
- การบำรุงรักษาเครื่องอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ใช้งานได้นานจริง
ผู้ใช้จริงหลายคนแชร์ว่าหากดูแลรักษาเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เครื่องเดินวงรีสามารถใช้งานได้นานกว่า 5-8 ปี โดยไม่มีปัญหาใหญ่ แต่ถ้าปล่อยให้มีฝุ่นสะสม ไม่เช็ดเครื่องหลังใช้ หรือปล่อยให้เสียงดังจากลูกรอกโดยไม่ซ่อม เครื่องจะพังเร็วกว่าปกติ การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจึงสำคัญมาก
- เครื่องที่ดีต้องมีแรงต้านเพียงพอ เล่นแล้วรู้สึกได้ออกแรงจริง
ผู้ใช้หลายคนแนะนำตรงกันว่า เครื่องเดินวงรีที่ดีควรทำให้รู้สึกว่า “ได้ออกแรงจริง” ตั้งแต่ช่วงแขน ขา ไปจนถึงแกนกลางลำตัว แรงต้านต้องปรับได้หลายระดับ ให้คุณสร้างความท้าทายกับร่างกาย ไม่ใช่แค่เหยียบเล่นไปเรื่อย ๆ แบบไม่ได้ออกแรง หากเครื่องทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ปั่นจักรยานเบา ๆ แปลว่าเครื่องนั้นผิดวัตถุประสงค์ ควรหลีกเลี่ยง
- เครื่องที่มีบริการหลังการขายชัดเจนสำคัญกว่าราคาถูก
จากประสบการณ์จริงของผู้ซื้อในหลายฟอรั่ม หลายคนเสียใจหลังซื้อเครื่องราคาถูกที่ไม่มีศูนย์บริการในประเทศ หรือไม่มีอะไหล่สำรอง เมื่อตัวเครื่องเสียแม้เพียงเล็กน้อย เช่น สายเคเบิลหรือจอแสดงผล ก็ไม่สามารถซ่อมได้ ต้องทิ้งทั้งเครื่องและซื้อใหม่ ผู้ใช้จริงหลายคนแนะนำว่าควรเลือกเครื่องที่มีศูนย์บริการชัดเจนในประเทศ มีทีมช่าง มีอะไหล่พร้อม เพื่อให้เครื่องที่คุณลงทุนอยู่กับคุณได้หลายปี
สรุปจากคำแนะนำและคำเตือนผู้ใช้งานจริง
- “ซื้อเครื่องราคาถูก ใช้ไม่สนุก สุดท้ายไม่ได้ใช้”
- “เลือกเครื่องที่มีแรงต้านแขนและขาจริง จะเผาผลาญได้ทั้งตัว”
- “ใช้งานผิดวิธี = เสียเวลา ไม่ลดไขมัน”
- “มีปัญหาข้อเข่าต้องเลือกเครื่องที่ดีพอ ไม่ใช่แค่ราคาถูก”
- “ดูแลเครื่องดี เครื่องดีๆ ใช้ได้นานหลายปี”
เครื่องเดินวงรีเหมาะสำหรับใครบ้าง? (โค้ชปูแน่นแนะนำ)
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันทั้งตัวอย่างจริงจัง
เครื่องเดินวงรีออกแบบมาเพื่อให้กล้ามเนื้อทั้งร่างกายทำงานพร้อมกัน ทั้งขา แขน ไหล่ และแกนกลาง การใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกันช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายที่ใช้เฉพาะช่วงล่างอย่างจักรยาน หรือการเดินบนลู่วิ่ง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเป้าหมายลดน้ำหนัก ลดไขมันทั่วร่างกาย หรือต้องการกระชับรูปร่างโดยไม่เน้นเพิ่มกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า ข้อเท้า หรือเจ็บหลัง
ผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าอักเสบ เจ็บข้อเท้า หรือปวดหลังจากการวิ่งหรือเดินจริง จะได้รับประโยชน์จากเครื่องเดินวงรีอย่างมาก เพราะเครื่องนี้ช่วยลดแรงกระแทกได้เกือบ 100% เท้าจะวางอยู่บนแป้นเหยียบตลอดเวลา ไม่มีจังหวะกระแทกพื้นเหมือนการวิ่ง ทำให้ข้อไม่ต้องรับแรงกระแทกซ้ำ ๆ เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายต่อเนื่องแต่ไม่สามารถใช้งานลู่วิ่งหรือจักรยานแบบเดิมได้
- เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด แต่อยากออกกำลังกายให้ได้ผล
เครื่องเดินวงรีช่วยให้การออกกำลังกายครั้งละ 20-30 นาทีมีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกันและควบคุมหัวใจให้อยู่ในโซนเป้าหมายได้ง่าย จึงเหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย เช่น คนทำงานออฟฟิศ แม่บ้าน หรือคนเมืองที่อยากออกกำลังแค่วันละ 20-40 นาที แต่ได้ผลจริง
- เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อง่ายกับคาร์ดิโอแบบเดิม ๆ
ใครที่เบื่อกับการเดินบนลู่วิ่งหรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ เครื่องเดินวงรีจะช่วยให้คุณรู้สึกสนุกมากขึ้น เพราะมีทั้งจังหวะการเหยียบ การดึงและผลักด้วยแขน และการควบคุมจังหวะด้วยตัวเอง เครื่องนี้ช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนกำลัง “ออกแรงจริง” กับทุกส่วนของร่างกาย พร้อมทั้งรักษาโซนหัวใจในระดับที่กำหนดได้ง่าย
- เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ยังเดินเหินเองได้ ต้องการคาร์ดิโอแบบเบา
แม้ว่าเครื่องเดินวงรีจะเหมาะกับคนทั่วไปที่ต้องการออกกำลังกายจริงจัง แต่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังเดินเหินปกติและต้องการออกกำลังกายแบบลดแรงกระแทก เครื่องเดินวงรีก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน สามารถใช้ฝึกแบบเบา ๆ ด้วยแรงต้านต่ำ โดยไม่มีแรงกระแทกที่เป็นอันตรายต่อข้อ เครื่องนี้เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาสมรรถภาพหัวใจและกล้ามเนื้อระดับหนึ่งโดยไม่เสี่ยงเจ็บข้อ
- เหมาะสำหรับผู้ฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ (หลังปรึกษาแพทย์หรือกายภาพ)
หลังการบาดเจ็บข้อเข่าหรือข้อเท้า หากแพทย์หรือกายภาพอนุญาตให้กลับมาออกกำลังกายได้ เครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องแรกที่มักถูกแนะนำ เพราะไม่มีแรงกระแทกที่ข้อต่อ ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนเลือดได้อย่างปลอดภัย สามารถใช้งานในระยะฟื้นฟูจนกลับมาออกกำลังกายเต็มรูปแบบได้อีกครั้ง
- เหมาะสำหรับฟิตเนสเทรนเนอร์หรือผู้ที่มีเป้าหมายแข่งขันในอนาคต
ในกรณีเทรนเนอร์หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มสมรรถภาพร่างกายอย่างจริงจัง เครื่องเดินวงรีสามารถใช้เป็นเครื่องฝึก HIIT ควบคู่กับเวทเทรนนิ่งเพื่อเร่งการเผาผลาญและพัฒนาระบบหัวใจ-หลอดเลือดให้พร้อมกับการแข่งขันหรือการลดไขมันเข้าสู่การประกวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปง่าย ๆ
- ถ้า “อยากลดไขมัน เผาผลาญสูงสุด” → เครื่องเดินวงรีเหมาะกับคุณ
- ถ้า “เจ็บข้อ แต่ยังอยากคาร์ดิโอ” → เครื่องเดินวงรีคือทางออก
- ถ้า “ออกกำลังนาน ๆ ไม่ไหว แต่อยากฟิตตัว” → เครื่องเดินวงรีตอบโจทย์ที่สุด
วิธีเลือกซื้อและใช้งานเครื่องเดินวงรีให้คุ้มค่าที่สุด (แนะนำโดยโค้ชปูแน่น)
- เลือกเครื่องจากงบประมาณและเป้าหมายการใช้งานเป็นหลัก
หากคุณใช้งานเพื่อออกกำลังกายจริงจังอย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ โค้ชปูแน่นแนะนำให้ลงทุนกับเครื่องในระดับกลางถึงสูง (ราคาเริ่ม 40,000 บาทขึ้นไป) เพราะวัสดุและระบบแรงต้านจะดีกว่า ใช้งานได้นาน และออกกำลังได้จริง ส่วนถ้าคุณใช้งานเบา ๆ สัปดาห์ละ 1-2 วัน เครื่องระดับเริ่มต้นที่วัสดุแข็งแรงพอประมาณก็อาจเพียงพอ อย่าซื้อจากราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรซื้อจากเป้าหมายใช้งานของตัวเอง
- เลือกเครื่องที่ใช้ระบบแรงต้านแม่เหล็กหรือแม่เหล็กไฟฟ้า
ระบบแรงต้านแม่เหล็กให้ความลื่นและแรงต้านที่เสถียรกว่าเครื่องราคาถูกที่ใช้สายพานหรือระบบกลไกแบบโบราณ ยิ่งถ้าเป็นระบบแม่เหล็กไฟฟ้า (EMS) จะควบคุมแรงต้านได้แม่นยำและใช้งานง่ายกว่าในระยะยาว เครื่องที่แรงต้านไม่ละเอียดจะทำให้คุณออกแรงได้ไม่เต็มที่ เผาผลาญไม่ดี และเสียโอกาสในการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้แขนออกแรงจริงทุกครั้ง
เมื่อใช้งาน อย่าแค่จับมือจับเพื่อพยุงตัว ควรใช้แขนดึงและผลักอย่างตั้งใจทุกจังหวะ เพราะการออกแรงจากแขนช่วยให้กล้ามเนื้อช่วงบนทำงาน และเพิ่มการเผาผลาญทั้งตัว หากคุณใช้แต่ขา เหมือนคุณใช้เพียงครึ่งหนึ่งของเครื่องนี้เท่านั้น
- ปรับแรงต้านให้เหมาะสมกับระดับตัวเอง
อย่าเหยียบแบบไม่มีแรงต้านหรือเหยียบเร็วเกินไปโดยตั้งแรงต้านต่ำตลอดเวลา การออกกำลังกายด้วยแรงต้านที่ถูกต้องและเพิ่มขึ้นตามระดับจะช่วยให้ร่างกายพัฒนาสมรรถภาพและเผาผลาญไขมันได้จริง หากคุณออกแรงแล้วไม่เหนื่อยเลย นั่นแปลว่าคุณใช้เครื่องไม่ถูกวิธี
- ฝึกใช้งานเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
แม้เครื่องจะดีแค่ไหน ถ้าไม่ได้ใช้งานก็ไม่มีประโยชน์ โค้ชแนะนำให้ตั้งตารางออกกำลังกายให้ชัดเจน เช่น เล่นสัปดาห์ละ 3-5 วัน ครั้งละ 20-40 นาที โดยปรับความเข้มข้นตามสมรรถภาพและเป้าหมาย ไม่ต้องเร่งรีบ ใช้ความสม่ำเสมอเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์
- หมั่นดูแลรักษาเครื่องตามคำแนะนำของผู้ผลิต
การดูแลรักษาเครื่องเป็นสิ่งสำคัญ ใช้ผ้าเช็ดตัวเครื่องทุกครั้งหลังใช้งาน ตรวจสอบเสียงผิดปกติ หรือแรงต้านค้างอย่างสม่ำเสมอ อย่ารอให้เครื่องพังแล้วค่อยซ่อม เพราะเครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องลงทุนระยะยาว ยิ่งดูแลดี เครื่องก็อยู่กับคุณได้นานหลายปี
- เลือกแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายและอะไหล่ในประเทศ
อย่าเลือกเครื่องจากแบรนด์ที่ไม่มีศูนย์บริการหรือทีมช่างในประเทศ เพราะเมื่อเครื่องเสีย คุณจะไม่มีทางซ่อมได้และต้องซื้อเครื่องใหม่ โค้ชแนะนำเลือกแบรนด์ที่มีรับประกันชัดเจน มีอะไหล่ และทีมช่างที่ให้บริการหลังการขายจริง
- เลือกเครื่องให้เหมาะกับพื้นที่วางและสไตล์การใช้งาน
ก่อนซื้อ ควรวัดพื้นที่ติดตั้งจริง และพิจารณาว่าคุณต้องการเครื่องที่พับเก็บได้หรือไม่ หากพื้นที่จำกัด ให้เลือกเครื่องที่ขนาดเล็กลงมา แต่ยังคงระบบแรงต้านและโครงสร้างที่แข็งแรงพอสำหรับการใช้งานจริงจัง อย่าเลือกเพราะเห็นว่าเครื่องเล็กและราคาถูกอย่างเดียว เพราะเครื่องนั้นอาจไม่ตอบโจทย์คุณเลย
สรุปโดยโค้ชปูแน่น
- “ซื้อเครื่องที่เหมาะกับเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ราคาถูก”
- “ใช้งานด้วยการออกแรงจริง เล่นเป็นประจำ”
- “ดูแลรักษาเครื่อง แล้วเครื่องจะอยู่กับคุณนานเกิน 10 ปี”
เลือกดูเครื่องเดินวงรี Homefitools, Johnson และ แบรนด์อื่นๆได้ที่นี่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องเดินวงรี (FAQ)
- เครื่องเดินวงรีช่วยลดพุงหรือลดขาได้จริงไหม?
คำตอบตรง ๆ จากโค้ชปูแน่น คือ เครื่องเดินวงรีไม่ได้ช่วยลดเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะพุง ต้นขา หรือต้นแขน เพราะการเผาผลาญไขมันเกิดขึ้นทั้งตัวพร้อมกัน แต่จุดเด่นของเครื่องเดินวงรี คือเป็นคาร์ดิโอแบบ Full-body ใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้ได้ต่อเนื่อง เมื่อเล่นสม่ำเสมอ ไขมันจะลดลงทั้งตัวตามพันธุกรรมและรูปแบบร่างกายของแต่ละคน คุณอาจเห็นหน้าท้องลดลงหรือขากระชับขึ้นได้จริง แต่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ
- เครื่องเดินวงรีเผาผลาญได้มากแค่ไหน?
ในคนทั่วไป น้ำหนัก 55-70 กิโลกรัม การใช้เครื่องเดินวงรี 30 นาที เผาผลาญได้ประมาณ 250-500 แคลอรี่ ขึ้นกับระดับแรงต้านและความเร็วในการเหยียบ เครื่องนี้เผาผลาญได้ใกล้เคียงกับลู่วิ่ง แต่มีข้อดีคือแรงกระแทกต่ำกว่า จึงเล่นได้นานกว่าโดยไม่เสี่ยงเจ็บข้อ
- เครื่องเดินวงรีเหมาะกับมือใหม่ไหม?
เหมาะมาก โดยเฉพาะคนที่เริ่มออกกำลังกาย แต่มีปัญหาข้อเข่าหรือข้อเท้า เพราะลดแรงกระแทกเกือบ 100% คุณสามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันแรก ปรับแรงต้านต่ำและค่อย ๆ เพิ่มเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น
- ใช้เครื่องเดินวงรีวันละกี่นาทีจึงเห็นผล?
โค้ชแนะนำให้เล่นอย่างน้อยครั้งละ 20-40 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน เพื่อผลลัพธ์ในการลดไขมันและเพิ่มสมรรถภาพร่างกายอย่างชัดเจน ใครที่มีเวลาไม่มาก ควรเน้นสม่ำเสมอมากกว่าความนานในการเล่น
- เครื่องเดินวงรีเสียงดังผิดปกติ ควรทำอย่างไร?
หากเครื่องมีเสียงดังครืดคราด หรือเสียงโลหะเสียดสีกัน อาจเกิดจากฝุ่นสะสมในลูกรอกหรือสายพาน หรือข้อต่อคลายตัว ควรหยุดใช้งานและทำความสะอาด ตรวจสอบความแน่นของสกรู หากไม่หาย ให้ติดต่อศูนย์บริการทันที อย่าฝืนใช้งาน เพราะอาจทำให้เครื่องพังเร็วขึ้น
- เครื่องเดินวงรีใช้พื้นที่ติดตั้งเท่าไหร่?
ส่วนใหญ่เครื่องเดินวงรีใช้พื้นที่ประมาณ 150-200 เซนติเมตร (ยาว) x 60-80 เซนติเมตร (กว้าง) ควรเผื่อพื้นที่รอบตัวอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อการขึ้น-ลงเครื่องได้สะดวก
- จำเป็นต้องซื้อเครื่องแพงไหม?
ไม่จำเป็น แต่ควรเลือกเครื่องที่ “เหมาะกับเป้าหมาย” หากคุณออกกำลังกายจริงจัง เล่นสัปดาห์ละหลายวัน ควรเลือกเครื่องระดับกลางถึงสูง เพื่อความลื่น ความทนทาน และแรงต้านที่เพียงพอ แต่ถ้าใช้งานแค่เบา ๆ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เครื่องระดับเริ่มต้นก็เพียงพอ เลี่ยงเครื่องราคาถูกมาก เพราะจะไม่ได้แรงต้านแขนจริง เล่นไม่สนุก และเลิกใช้ในที่สุด
- เครื่องเดินวงรีต่างจากเครื่องปั่นวงรียังไง?
เครื่องเดินวงรีใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว ออกแรงทั้งแขน ขา และแกนกลาง ใช้พลังงานมากกว่า เหมาะกับการลดไขมันและเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย แต่เครื่องปั่นวงรี (Elliptical Bike) ใช้เฉพาะกล้ามเนื้อขา เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือคนที่มีปัญหาข้ออย่างหนักที่ไม่สามารถยืนออกกำลังได้
โค้ชปูแน่นตอบแบบตรงไปตรงมาในฐานะเทรนเนอร์นะครับ ว่าเครื่องเดินวงรีเป็นเครื่องที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันทั้งตัวอย่างจริงจัง แต่ต้องเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับเป้าหมาย และใช้งานอย่างถูกวิธี พร้อมดูแลรักษาให้ดี เครื่องนี้จะช่วยคุณเปลี่ยนรูปร่างได้จริงในระยะยาวแน่นอนครับ
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
-
- เครื่องเล่นสกีในร่ม Ski Machine สุดยอดเครื่องคาร์ดิโอ Concept2 SkiErgราคาพิเศษ ฿ 74,900.00 ราคาปรกติ ฿ 86,800.00สินค้าหมด
-
-