สวัสดีครับทุกคน โค้ชปูแน่นเองนะครับ วันนี้จะมาแชร์เรื่องการทำคาร์ดิโอให้ได้ผลจากประสบการณ์ที่ผมสั่งสมมากว่า 10 ปีในฐานะ Personal Trainer และแชมป์การแข่งขัน Physique หลายรายการ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ในฐานะที่ผมดูแล Real Gym มานาน ได้เห็นคนจำนวนมากพยายามลดน้ำหนักด้วยการทำคาร์ดิโอ บางคนประสบความสำเร็จ แต่หลายคนก็ยังทำไม่ถูกวิธี เสียเวลาไปหลายเดือนแต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่หวัง
เมื่อสองเดือนก่อน มีสมาชิกคนหนึ่งมาปรึกษาผม บ่นว่าทำคาร์ดิโอทุกวัน วันละชั่วโมง แต่น้ำหนักไม่ลง พอผมสังเกตการทำคาร์ดิโอของเขา ก็พบว่าทำผิดพลาดหลายจุด ทั้งความเข้มข้น จังหวะ และการหายใจไม่ถูกต้อง พอผมแนะนำให้ปรับเปลี่ยน ผ่านไปแค่ 3 สัปดาห์ เขาเริ่มเห็นผลชัดเจน
นี่เป็นเหตุผลที่ผมอยากแชร์ความรู้เรื่องคาร์ดิโอในวันนี้ครับ เพราะการทำคาร์ดิโอนั้น ไม่ใช่แค่การวิ่ง กระโดดเชือก หรือปั่นจักรยานเท่านั้น แต่มีเทคนิคและวิธีการที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีทำคาร์ดิโอที่ได้ผล วันนี้ผมจะแชร์ทุกอย่างที่คุณต้องรู้ ทั้งความรู้พื้นฐาน เทคนิคการทำที่ถูกต้อง และที่สำคัญ ผมจะแชร์ประสบการณ์จริงที่ได้จากการเทรนลูกค้าหลายร้อยคน รวมถึงเคล็ดลับที่ผมใช้เองตอนเตรียมตัวแข่งขันด้วยครับ
ถ้าคุณกำลังเริ่มต้น หรือทำคาร์ดิโอมาแล้วแต่ยังไม่เห็นผลชัดเจน สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่ "ทำเยอะ" แต่คือ "ทำให้ถูกวิธี"
ที่ REAL GYM เรามีเครื่องคาร์ดิโอครบทุกชนิด และเทรนเนอร์พร้อมให้คำแนะนำแบบเจาะลึก ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเคยลองมาหลายวิธีแล้ว
เราพร้อมให้คุณทดลองฝึกได้ฟรี 3 วันเต็ม เพื่อดูว่าคาร์ดิโอแบบไหนเหมาะกับคุณจริง ๆ
ทดลองได้ทุกสาขา: ซาฟารีเวิลด์, พระราม 5, สุขาภิบาล 5, สายไหม, เลียบทางด่วน
คลิกที่นี่เพื่อทดลองเล่นฟรี
หลายคนที่เข้ามาปรึกษาผมที่ยิมมักจะถามว่า "โค้ช ทำไมต้องทำคาร์ดิโอด้วยครับ? ผมยกเวทอย่างเดียวไม่ได้เหรอ?" ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดีครับ เพราะตอนที่ผมเริ่มต้นเล่นเวทเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
แต่จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในวงการ ผมได้เรียนรู้ว่าคาร์ดิโอเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการออกกำลังกาย ผมขอยกตัวอย่างจากลูกค้าคนหนึ่งของผมนะครับ เขาเป็นพนักงานออฟฟิศ อายุ 35 ปี เริ่มต้นที่น้ำหนัก 95 กิโล ตอนแรกเขาก็ยกเวทอย่างเดียว ผ่านไป 3 เดือน กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น แต่ไขมันแทบไม่ลด
พอผมแนะนำให้เพิ่มคาร์ดิโอเข้าไปในโปรแกรม โดยใช้เทคนิคที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไป ผ่านไปอีก 2 เดือน เขาลดไขมันได้ถึง 8 กิโล โดยที่กล้ามเนื้อยังอยู่ครบ
ทำไมคาร์ดิโอถึงสำคัญขนาดนั้น? ผมเคยอ่านงานวิจัยจาก American College of Sports Medicine ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มคนทั่วไป 1,500 คน พบว่าคนที่ทำคาร์ดิโอควบคู่กับการเล่นเวท มีอัตราการเผาผลาญไขมันสูงกว่ากลุ่มที่ยกเวทอย่างเดียวถึง 32%
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ตอนที่ผมเตรียมตัวแข่ง Chiang Mai Classic ผมได้ค้นพบว่าการทำคาร์ดิโอไม่ได้แค่ช่วยเผาผลาญไขมันเท่านั้น แต่ยังช่วยเรื่อง
มีลูกค้าถามผมบ่อยว่า "โค้ช แล้วต้องทำคาร์ดิโอนานแค่ไหน?" คำตอบคือ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเป้าหมาย ระดับความฟิต และตารางชีวิตของแต่ละคน แต่จากประสบการณ์สอนของผม พบว่าแม้แต่การทำคาร์ดิโอแค่ 20-30 นาทีต่อครั้ง 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็เห็นผลได้แล้ว ถ้าทำถูกวิธี
"แล้วจะรู้ได้ไงว่าทำถูกวิธี?" นี่เป็นคำถามที่สำคัญมากครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายในหัวข้อถัดไป พร้อมแชร์เทคนิคที่ผมใช้กับตัวเองและลูกค้ามาหลายปี รับรองว่าได้ผลแน่นอนครับ
เรื่องนี้ผมต้องเริ่มด้วยประสบการณ์จริงที่พบในยิมก่อนครับ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีลูกค้าคนหนึ่งมาหาผมพร้อมกับความท้อใจ เขาบอกว่าทำคาร์ดิโอมา 6 เดือน แต่น้ำหนักลดแค่ 2 กิโล ทั้งที่ทำทุกวัน วันละชั่วโมง
พอผมถามถึงวิธีการทำคาร์ดิโอ เขาบอกว่าเดินบนลู่วิ่งที่ความเร็วเท่าเดิมทุกวัน ผมเลยอธิบายให้เขาฟังว่า การทำคาร์ดิโอแบบนี้ร่างกายจะปรับตัวเร็วมาก ทำให้เผาผลาญน้อยลงเรื่อยๆ
ผมได้ศึกษางานวิจัยจาก Journal of Sports Science ปี 2023 ที่ทำการทดลองกับคนทั่วไป 2,000 คน พบว่าการทำคาร์ดิโอแบบ High-Intensity Interval Training (HIIT) สามารถเผาผลาญไขมันได้มากกว่าการทำคาร์ดิโอแบบความเข้มข้นเท่าเดิมถึง 45%
เคล็ดลับจากประสบการณ์ของผม คือการใช้ "หลักการ Fat-Burning Zone" ซึ่งผมใช้กับตัวเองตอนเตรียมแข่ง Thai Muscle Championship และใช้กับลูกค้ามาแล้วหลายร้อยคน วิธีการคือ
| TIP : วิธีเช็คง่ายๆ ว่าคุณอยู่ใน Fat-Burning Zone หรือไม่ คือลองพูดประโยคยาวๆ ถ้าพูดได้แต่รู้สึกหอบนิดๆ แสดงว่าคุณอยู่ในโซนที่ถูกต้อง | 

หลายคนถามผมว่า "โค้ช ถ้าอยากลดไขมัน จะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ไหม?"
จากประสบการณ์ที่ผมเห็นในยิม คนที่ประสบความสำเร็จในการลดไขมันส่วนใหญ่ทำทั้งสองอย่างควบคู่กัน แต่แบ่งสัดส่วนตามเป้าหมาย เช่น
ผมมีลูกค้าคนหนึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศ อายุ 40 ปี เริ่มต้นที่ 82 กิโล เขาทำตามโปรแกรมที่ผมแนะนำ คือทำคาร์ดิโอ 30 นาทีสลับกับเวท 45 นาที สัปดาห์ละ 4 วัน ภายใน 3 เดือน เขาลดไขมันได้ 7 กิโล โดยที่กล้ามเนื้อไม่หาย
| 
 ข้อควรระวัง : อย่าทำคาร์ดิโอหนักเกินไปในวันที่เล่นขา เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวช้า ผมเคยเห็นหลายคนในยิมทำผิดพลาดข้อนี้ แล้วต้องหยุดพักนานเพราะอาการบาดเจ็บ  | 
วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับท่าคาร์ดิโอที่ผมรับประกันว่าได้ผลจริง เพราะผมใช้กับตัวเองตอนเตรียมแข่ง และใช้กับลูกค้าที่ยิมมาแล้วหลายร้อยคน
ก่อนจะเข้าเรื่องท่าต่างๆ ผมอยากแชร์เคล็ดลับสำคัญก่อนครับ คือ "ไม่ว่าคุณจะเลือกท่าไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ" ผมเคยเห็นหลายคนในยิมทำท่ายากๆ แต่ฟอร์มไม่ถูก สุดท้ายได้ผลน้อยกว่าคนที่ทำท่าง่ายๆ แต่ทำถูกวิธี
เมื่อสองเดือนก่อน มีลูกค้าคนหนึ่งบอกผมว่า "โค้ช กระโดดตบมันง่ายไปไหม จะได้ผลเหรอ?" ผมเลยแชร์ประสบการณ์ให้เขาฟังว่า ตอนผมเตรียมตัวแข่ง Physique Championship ผมใช้ท่านี้เป็นท่าวอร์มอัพทุกครั้ง และมันช่วยเผาผลาญได้ดีมากถ้าทำถูกวิธี
เทคนิคการทำที่ถูกต้อง
คำแนะนำ
ลองทำ 50 ครั้ง พัก 30 วินาที ทำ 3 เซต ถ้ารู้สึกว่าง่ายเกินไป ให้เพิ่มจำนวนครั้งเป็น 100 ครั้งต่อเซต
ท่าปั่นจักรยานกลางอากาศนี้เป็นท่าโปรดของผมเลยครับ เพราะนอกจากจะเผาผลาญดีแล้ว ยังช่วยกระชับหน้าท้องด้วย ผมมีลูกค้าคนหนึ่งที่ทำท่านี้เป็นประจำ เขาเป็นคุณแม่วัย 45 ปี ภายใน 2 เดือน พบว่าเอวลดไป 3 นิ้ว
วิธีทำที่ถูกต้อง
เคล็ดลับพิเศษ
ทำ 30 วินาที พัก 15 วินาที ทำ 5 รอบ และเพิ่มความเร็วในแต่ละรอบ
ท่าปีนเขานี้ผมใช้บ่อยมากตอนเตรียมแข่ง เพราะช่วยเผาผลาญได้ทั้งตัว โดยเฉพาะส่วนหน้าท้องและต้นขา
จุดสำคัญที่ต้องระวัง
ผมยังจำวันแรกที่ผมสอนท่ากระโดดสควอทนี้ให้กับลูกค้าได้ดี เขาบ่นว่า "โค้ช ท่านี้หนักมากเลย" แต่หลังจากทำได้สักพัก เขากลับมาบอกว่าเป็นท่าที่ชอบที่สุด เพราะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายชัดเจน
จากงานวิจัยในวารสาร Sports Medicine ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 500 คน พบว่า การทำ Jump Squat สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าการทำสควอทธรรมดาถึง 40%
เคล็ดลับจากประสบการณ์โค้ช
ข้อแนะนำ
สำหรับมือใหม่ ให้เริ่มจาก 10 ครั้ง 3 เซต พักระหว่างเซต 45 วินาที เมื่อแข็งแรงขึ้นค่อยเพิ่มจำนวนครั้งและลดเวลาพัก
นี่เป็นท่าที่ผมใช้เตรียมตัวก่อนแข่ง Chiang Mai Classic ครับ ผลลัพธ์ดีมากในการเผาผลาญไขมันที่ต้นขาและสะโพก
ผมมีลูกค้าคนหนึ่งเป็นนักวิ่งสมัครเล่น เธอบอกว่าหลังจากเพิ่มท่านี้เข้าไปในรูทีน สถิติวิ่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะขาแข็งแรงขึ้นมาก
ข้อควรระวังที่สำคัญ
"โค้ช ทำไมต้องเพิ่มวิดพื้นด้วยครับ?" นี่เป็นคำถามที่ผมได้ยินบ่อยมาก คำตอบคือ การเพิ่มวิดพื้นจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญและสร้างกล้ามเนื้อส่วนบนไปพร้อมกัน
จากประสบการณ์สอนของผม พบว่าคนที่ทำท่านี้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเร็วที่สุด
เทคนิคการทำที่ถูกต้อง
คำแนะนำ
ถ้าเพิ่งเริ่ม ให้ทำแค่ 5 ครั้ง พัก 30 วินาที ทำ 3 เซต แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนครั้งและลดเวลาพัก
คำเตือนจากประสบการณ์
อย่าพยายามทำเร็วเกินไปในช่วงแรก เน้นฟอร์มให้ถูกต้องก่อน ผมเคยเห็นหลายคนในยิมบาดเจ็บเพราะรีบร้อนเกินไป
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าคาร์ดิโอแบบไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด
โค้ชแนะนำให้มาลองฝึกกับอุปกรณ์จริง พร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
REAL GYM เปิดให้ทดลองเล่นฟิตเนสฟรี 3 วันเต็ม
มีเครื่องคาร์ดิโอหลากหลายแบบให้เลือก ลองได้ทั้งปั่นจักรยาน ลู่วิ่ง เครื่องเดินวงรี
เทรนเนอร์ช่วยวิเคราะห์ระดับความฟิตและแนะนำการปรับโปรแกรมให้เหมาะกับคุณ
ทดลองได้ทุกสาขา: ซาฟารีเวิลด์, พระราม 5, สุขาภิบาล 5, สายไหม, เลียบทางด่วน
คลิกที่นี่เพื่อทดลองเล่นฟรี
"โค้ช ผมกลัวทำคาร์ดิโอแล้วกล้ามหาย" นี่เป็นประโยคที่ผมได้ยินบ่อยมากในยิม และผมเข้าใจความกังวลนี้ดี เพราะตอนที่ผมเตรียมตัวแข่ง Thai Muscle Championship ผมก็เคยกังวลเรื่องนี้เหมือนกัน
แต่จากประสบการณ์ทั้งการแข่งขันและการเทรนลูกค้ามากว่า 10 ปี ผมค้นพบว่ามันมีวิธีที่จะทำให้เราเผาผลาญไขมันโดยที่กล้ามเนื้อยังอยู่ครบ
ผมมีลูกค้าคนหนึ่งเป็นนักเพาะกาย เขากังวลมากเรื่องกล้ามเนื้อหาย ผมเลยแนะนำเทคนิคพิเศษให้ และหลังจากทำตาม 3 เดือน เขาสามารถลดไขมันได้ 6% โดยที่กล้ามเนื้อไม่ลด
โปรแกรมที่ผมแนะนำ
จากประสบการณ์เป็นโค้ชมากว่า 10 ปี ผมพบว่าหลายคนยังสับสนเรื่องการทำคาร์ดิโอ โดยเฉพาะเรื่องระยะเวลาและความเข้มข้น วันนี้ผมจะแชร์เทคนิคที่ผมใช้กับตัวเองตอนแข่งและใช้กับลูกค้าที่ประสบความสำเร็จหลายร้อยคน
เมื่อเดือนที่แล้ว มีลูกค้าคนหนึ่งถามผมว่า "โค้ช ผมทำคาร์ดิโอวันละ 2 ชั่วโมง ทำทุกวัน แต่น้ำหนักไม่ลงเลย"
นี่เป็นความเข้าใจผิดที่ผมเจอบ่อยมาก จากการศึกษางานวิจัยล่าสุดในวารสาร Exercise Science Review ปี 2023 ที่ศึกษากลุ่มคนทั่วไป 1,800 คน พบว่า การทำคาร์ดิโอนานเกินไปอาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากเกินไป ส่งผลให้เก็บไขมันแทนที่จะเผาผลาญ
เคล็ดลับจากประสบการณ์โค้ช
| TIP สำคัญ : ผมแนะนำให้เพิ่มเวลาและความถี่ทีละน้อย อย่าเร่งรีบ เพราะร่างกายต้องการเวลาปรับตัว | 
เรื่องนี้สำคัญมากครับ ผมขอยกตัวอย่างลูกค้าคนหนึ่ง เธออายุ 35 ปี ทำงานออฟฟิศ มาหาผมด้วยปัญหาน้ำหนักไม่ลง ทั้งที่ทำคาร์ดิโออย่างหนัก พอผมดูวิธีการทำ พบว่าเธอทำหนักเกินไปจนหอบมาก พูดไม่ได้เลย
จากประสบการณ์ของผม ความเข้มข้นที่เหมาะสมควรเป็นแบบนี้
1.วอร์มอัพ (5-10 นาที)
2.ช่วงออกกำลัง (15-30 นาที)
3.คูลดาวน์ (5-10 นาที)
เทคนิคพิเศษจากโค้ช
ใช้หลัก "พูดได้-พูดยาก" ในการเช็คความเข้มข้น

จากประสบการณ์การเป็นโค้ชและการดูแล Real Gym ผมได้เรียนรู้ว่าแม้คาร์ดิโอจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ไม่เหมาะกับทุกคน มีลูกค้าหลายคนมาหาผมพร้อมกับปัญหาสุขภาพต่างๆ ทำให้ผมต้องปรับโปรแกรมให้เหมาะกับแต่ละคน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมมีลูกค้าคนหนึ่งมาปรึกษา เขาเพิ่งผ่าตัดหัวเข่ามา แต่อยากทำคาร์ดิโอมาก ผมเลยต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่าต้องรอให้หายดีก่อน และเริ่มจากการทำกายภาพบำบัดตามที่หมอแนะนำ
ผมเคยมีลูกค้าที่มีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว ผมแนะนำให้เขาตรวจสุขภาพก่อนเริ่มโปรแกรม และเมื่อได้รับการอนุญาตจากแพทย์ เราเริ่มจากคาร์ดิโอเบาๆ และค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น
มีสมาชิกที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม แต่อยากลดน้ำหนัก ผมแนะนำให้เริ่มจากการว่ายน้ำหรือปั่นจักรยานแทนการวิ่งหรือกระโดด
อย่ารีบร้อนกลับมาทำคาร์ดิโอเร็วเกินไป ให้ทำกายภาพบำบัดให้ครบก่อน แล้วค่อยๆ เริ่มจากท่าพื้นฐาน
จากการศึกษางานวิจัยใน Prenatal Exercise Journal ปี 2023 ที่ศึกษาในกลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์ 500 คน พบว่าควรปรับความเข้มข้นของการออกกำลังกายลง 30-40% จากปกติ และควรหลีกเลี่ยงท่าที่มีความเสี่ยงต่อการกระแทก
ทางออกกำลังกายที่ปลอดภัย
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่าออกกำลังกายสำหรับคนท้องได้ที่นี่
ผมมีลูกค้าที่เป็นเบาหวาน เราต้องวางแผนการออกกำลังกายร่วมกับแพทย์ และมีการติดตามระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด
คำแนะนำพิเศษ

ผมอยากปิดท้ายด้วยเรื่องสำคัญที่สุดที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์เป็นโค้ชและนักกีฬา นั่นคือ "คาร์ดิโอที่ดีที่สุดคือคาร์ดิโอที่เหมาะกับคุณ"
เมื่อเดือนที่แล้ว มีลูกค้าท่านหนึ่งมาหาผมพร้อมกับความท้อใจ เขาบอกว่าพยายามทำตามคลิปออกกำลังกายในยูทูบ แต่ทำไม่ไหว รู้สึกว่ายากเกินไป ผมเลยแชร์ประสบการณ์ให้เขาฟังว่า แม้แต่ตอนผมเตรียมตัวแข่ง Thai Muscle Championship ผมก็ต้องปรับโปรแกรมให้เหมาะกับตัวเองหลายครั้งกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
จากการเทรนลูกค้ามากกว่า 100 คน ผมสรุปหลักการเลือกคาร์ดิโอที่เหมาะกับคุณได้ดังนี้
ผมมีลูกค้าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เวลาน้อย เราเลยออกแบบโปรแกรมคาร์ดิโอแบบ HIIT สั้นๆ 20 นาที ทำตอนลูกนอน ผลลัพธ์ออกมาดีมาก ภายใน 3 เดือนลดไขมันได้ 5 กิโล
ให้เริ่มที่ 50-60% ของความสามารถสูงสุด แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น 5-10% ทุก 2 สัปดาห์
วิธีที่ผมใช้กับลูกค้า
จากงานวิจัยใน Exercise Adaptation Journal ปี 2023 ที่ศึกษาในคน 2,500 คน พบว่า การปรับโปรแกรมทุก 4-6 สัปดาห์ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ดีกว่าการทำแบบเดิมซ้ำๆ 35%
สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากข้อคิดจากประสบการณ์การเป็นโค้ชว่า การเริ่มต้นทำคาร์ดิโออาจดูยาก แต่ถ้าคุณเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง และทำอย่างสม่ำเสมอ ผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาแน่นอน
ถ้าคุณมีคำถามเพิ่มเติม สามารถปรึกษาผมได้ที่ Real Gym นะครับ ผมยินดีช่วยออกแบบโปรแกรมที่เหมาะกับคุณ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
อยากได้ผลลัพธ์จากคาร์ดิโอแบบไม่เสียเวลา? เริ่มจากการเลือกโปรแกรมที่ “เหมาะกับคุณจริง ๆ” และมีคนคอยดูแลตั้งแต่วันแรก
REAL GYM เปิดให้ทดลองเล่นฟิตเนสฟรี 3 วันเต็ม
พร้อมเครื่องคาร์ดิโอหลากหลายแบบ ทั้ง HIIT, ปั่นจักรยาน, ลู่วิ่ง, Stair Climber
เทรนเนอร์ช่วยวิเคราะห์ระดับความฟิต และออกแบบคาร์ดิโอให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณ
ทดลองได้ทุกสาขา: ซาฟารีเวิลด์, พระราม 5, สุขาภิบาล 5, สายไหม, เลียบทางด่วน
คลิกที่นี่เพื่อทดลองเล่นฟรี