เคยลดน้ำหนักมาหลายวิธี แต่น้ำหนักยังคงที่ หรือบางทีน้ำหนักตัวกลับดีดขึ้นไปเสียอีก นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนบ่งบอกว่า ระบบเผาผลาญพัง มาลองเช็กว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ ทำไมลดหุ่นไม่ได้ผล และทำอย่างไรระบบเผาผลาญจึงกลับมาดีเหมือนเดิม
โดยปกติระบบเผาผลาญ หรือ Metabolism System คือกระบวนการทางเคมีในร่างกายของคนเราที่เปลี่ยนสารอาหารกินเข้าไปให้กลายเป็นพลังงานเพื่อเอามาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ เช่น การหายใจ การสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก ตลอดจนการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ คนที่มีระบบเผาผลาญดีจะเหลือแคลอรี่สะสมเป็นไขมันน้อย เป็นสาเหตุที่บางคนกินเยอะแต่น้ำหนักไม่เพิ่ม แต่บางคนตรงกันข้าม ระบบเผาผลาญพังอาการ ผิดปกติของร่างกายหลาย ๆ อย่างทำให้ลดน้ำหนักยังไงก็ไม่เห็นผล
เครดิตภาพ: www.freepik.com
สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ ระบบเผาผลาญของเราเริ่มไม่ดีแล้ว จะมีอาการที่สังเกตเห็นได้หลายอย่าง เช่น
อาการทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าร่างกายเกิดปัญหาหรือเริ่มเสื่อมถอยแล้ว ทำให้ลดน้ำหนักยังไงก็ไม่ได้ผลนั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : เทคนิคลดน้ำหนักแบบรวดเร็วด้วยวิธีธรรมชาติ
ระบบเผาผลาญพัง เป็นปัญหาที่เกิดจากภายในร่างกายทำให้การลดน้ำหนักล้มเหลว สาเหตุของปัญหามาจากหลายอย่างด้วยกัน
เครดิตภาพ: www.freepik.com
เครดิตภาพ: www.freepik.com
อาการที่พบได้บ่อยๆ ในคนที่ระบบเผาผลาญพัง คือ น้ำหนักตัวลงยากหรือขึ้นง่ายผิดปกติทั้งที่พยายามน้ำหนัก ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่กลับไม่เป็นผลเลย น้ำหนักตัวไม่ลดอย่างที่ตั้งใจ ทั้งยังรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้ามากกว่าปกติ มักจะมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ รวมทั้งระบบการทำงานของฮอร์โมนเพศผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนขาด หรือความรู้สึกทางเพศลดลง ผิวพรรณแห้งกร้าน ผมร่วงมากกว่าปกติ
บทความที่น่าสนใจ : วิธีลดไขมันทั่วร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบเผาผลาญพังแก้ยังไง การที่ร่างกายเผาผลาญช้าลงหรือไม่เผาผลาญเลย ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เกิดผลเสียต่อสุขภาพทั้งระยะสั้น และระยะยาว หากจะฟื้นฟูให้กลับมาดีเหมือนเดิม ระบบเผาผลาญพังวิธีแก้ต้องทำอย่างไรบ้าง
เครดิตภาพ: www.freepik.com
ในแต่ละวันรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รับประทานโปรตีนเป็นหลักเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 20%-30% อย่ากลัวแป้งและไขมันซึ่งเป็นสารอาหารที่ทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดี ส่วนคาร์โบไฮเดรตช่วยให้มีพลังงานทำกิจกรรมต่างๆ และสมองทำงานได้เป็นปกติ
เครดิตภาพ: www.freepik.com
การนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้พักผ่อนและเกิดกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอนอย่างน้อยวันละ 7- 8 ชั่วโมงช่วยให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานเป็นปกติ
ความเครียดมีผลให้ระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ เครียดบ่อยก็หิวบ่อย ควรออกกำลังกายและหากิจกรรมผ่อนคลายฟื้นฟูสุขภาพจากความเครียด ช่วยฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้กลับเป็นปกติได้
เครดิตภาพ: www.freepik.com
สำหรับคนกำลังมีปัญหาระบบเผาผลาญพัง พฤติกรรมการกินอาหารมีส่วนสำคัญมาก แนะนำให้ปรับอาหารมื้อใหญ่แบ่งย่อยเป็นมื้อเล็ก ๆ รับประทานน้อย ๆ แต่บ่อยขึ้น และดื่มน้ำวันละไม่น้อยกว่า 500 มล. เพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 30% เลยทีเดียว ทานอาหารรสเผ็ดร้อนบ่อย ๆ ก็ดี จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้ด้วย
เครดิตภาพ: www.freepik.com
เช่น ยกเวท ควบคู่กับการวิ่งและกระโดด อย่างน้อย 2-4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงาน พร้อมทั้งลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดการสะสมไขมันตามร่างกายได้มากขึ้น
ช้อปเลย ! : อุปกรณ์ฟิตเนสคุณภาพสูง มีหลากหลายแบบให้เลือก
เครดิตภาพ: www.freepik.com
มีงานวิจัยบอกมาว่าคาเฟอีนในกาแฟ และสารคาเทชินในชาเขียว ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหารได้ แต่เน้นย้ำเลยว่าไม่หวานและไม่ใส่นม
การแก้ระบบเผาผลาญพังต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทนเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ

เครดิตภาพ: www.freepik.com
การฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้กลับมาแข็งแรงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยความต่อเนื่องและการดูแลอย่างเป็นระบบ จากการศึกษาของ Journal of Clinical Nutrition พบว่าการปรับพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 9 วัน สามารถช่วยฟื้นฟูระบบเผาผลาญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันที่ 1-3 (ระยะปรับสมดุล) การเริ่มต้น 3 วันแรกเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด เราจะเน้นการปรับพื้นฐานการใช้ชีวิตให้เข้าที่ก่อน เริ่มจากการนอนให้เป็นเวลา ตื่นนอนช่วง 6-7 นาฬิกา ดื่มน้ำอุ่นทันทีที่ตื่นนอน 1-2 แก้ว และรับประทานอาหารเช้าภายใน 1 ชั่วโมงหลังตื่น งานวิจัยจาก Harvard Medical School พบว่าการรับประทานอาหารเช้าช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้สูงถึง 10%
วันที่ 4-6 (ระยะเพิ่มประสิทธิภาพ) หลังจากร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว เราจะเพิ่มกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) สลับกับการเดินเร็ว การศึกษาจาก International Journal of Exercise Science แสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายแบบ HIIT สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้นานถึง 24 ชั่วโมงหลังการออกกำลังกาย
วันที่ 7-9 (ระยะต่อยอด) ในช่วงสุดท้าย เราจะผสมผสานทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งการนอน การกิน และการออกกำลังกาย พร้อมเพิ่มอาหารที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ เช่น โปรตีนคุณภาพสูง อาหารที่มีแคปไซซิน และชาเขียว ตามการศึกษาของ American Journal of Clinical Nutrition พบว่าการรับประทานโปรตีนสามารถเพิ่มการเผาผลาญได้ถึง 20-30% ในช่วง 2-3 ชั่วโมงหลังรับประทาน
การฟื้นฟูระบบเผาผลาญไม่ใช่เรื่องของการลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการปรับสมดุลร่างกายทั้งระบบ งานวิจัยล่าสุดจาก Metabolism Journal ปี 2023 พบว่าการนอนหลับที่เพียงพอมีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและการเผาผลาญ โดยคนที่นอนหลับไม่เพียงพอมีระดับฮอร์โมนเกรลิน (ฮอร์โมนความหิว) สูงขึ้นถึง 15%
นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบที่น่าสนใจจาก Cell Metabolism ที่ระบุว่าการรับประทานอาหารในช่วงเวลาที่จำกัด (Time-Restricted Feeding) สามารถช่วยปรับระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยแนะนำให้รับประทานอาหารภายในช่วงเวลา 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
ในช่วงการฟื้นฟูระบบเผาผลาญ มีข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม งานวิจัยจาก Journal of Clinical Medicine แสดงให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่รวดเร็วเกินไปอาจส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรกของการปรับเปลี่ยน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ออกกำลังกายวันละกี่นาที ถึงจะดีที่สุด
นอกจากการปรับพฤติกรรมแล้ว มีสารอาหารจากธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ การศึกษาจาก Nutrition Research พบว่า
สำหรับคนกำลังมีปัญหา ระบบเผาผลาญพังได้ไม่ยาก ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตส่งผลให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก จดบันทึกการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและสัดส่วนแต่ละวัน ให้กำลังใจตัวเองหน้ากระจกเสมอว่าเราทำได้ แล้วคุณจะพบกับความสำเร็จในที่สุด