▽ บอดี้เวท คืออะไร?
    ในฐานะโค้ชผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปีและแชมป์การแข่งขันระดับนานาชาติ ผมสามารถยืนยันได้ว่าบอดี้เวทเป็นวิธีออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดวิธีหนึ่ง บอดี้เวทใช้น้ำหนักตัวของคุณเองเป็นแรงต้านธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม ทำได้ทุกที่ทุกเวลา และปรับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสม ทำให้เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้น ผู้สูงอายุ หรือนักกีฬามืออาชีพ
    บอดี้เวท (Bodyweight Training) คือการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักของร่างกายเองเป็นแรงต้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ทำให้สามารถฝึกได้ทุกที่ ไม่ว่าจะที่บ้าน สวนสาธารณะ หรือที่ทำงาน การออกกำลังกายแบบนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความทนทาน และความยืดหยุ่นของร่างกาย
    จากประสบการณ์ของผมที่ได้ฝึกสอนลูกค้ามากกว่าพันคน พบว่าการฝึกบอดี้เวทช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงของร่างกายผ่าน 3 กลไกหลัก:
    
    - การฉีกขาดของกล้ามเนื้อระดับไมโคร – เมื่อร่างกายออกแรงต้าน กล้ามเนื้อจะเกิดการฉีกขาดเล็กๆ และซ่อมแซมตัวเองให้แข็งแรงขึ้น
 
    - การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประสาท – การควบคุมร่างกายในท่าต่างๆ ช่วยพัฒนาการสื่อสารระหว่างสมองและกล้ามเนื้อ
 
    - การกระตุ้นฮอร์โมนเพิ่มกล้ามเนื้อ – การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการผลิต เทสโทสเตอโรน และ โกรทฮอร์โมน ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
 
    
    
 
    ▽ บอดี้เวท vs เวทเทรนนิ่ง
    หลายคนสงสัยว่า บอดี้เวท กับ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) แตกต่างกันอย่างไร?
    
    - บอดี้เวท ใช้น้ำหนักตัวเองเป็นแรงต้าน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและปลอดภัยสำหรับข้อต่อ
 
    - เวทเทรนนิ่ง ใช้ดัมเบล บาร์เบล หรือเครื่องออกกำลังกายเพื่อเพิ่มแรงต้าน ซึ่งช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
 
    
    จากประสบการณ์การฝึกสอน ผมพบว่ามีข้อแตกต่างที่สำคัญเพิ่มเติม:
    
    - การฟื้นตัว – บอดี้เวทช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วกว่า เพราะแรงกระแทกต่อข้อต่อน้อย
 
    - ความเสี่ยงในการบาดเจ็บ – บอดี้เวทปลอดภัยกว่าเพราะสามารถปรับระดับความยากของท่าได้ง่าย
 
    - พัฒนาการสมดุลร่างกาย – ท่าบอดี้เวท เช่น Plank หรือ Single-Leg Squat ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กที่ช่วยควบคุมการทรงตัว
 
    
    
 
    ▽ บอดี้เวท เหมาะกับใคร?
    คำตอบ คือ เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ เพราะสามารถปรับระดับความหนักเบาได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน ผู้สูงอายุก็สามารถทำ บอดี้เวท ได้ โดยเลือกท่าที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
    1.ผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย
    
    - บอดี้เวทเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
 
    - สามารถเริ่มจากท่าง่ายๆ และค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนได้ตามความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น
 
    - ช่วยเรียนรู้การเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น การสควอต การแพลงค์ และการวิดพื้น
 
    - ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการฝึกผิดท่าได้
 
    
    2.ผู้ที่มีเวลาจำกัด
    
    - เหมาะสำหรับคนที่มีตารางชีวิตแน่น เพราะบอดี้เวทสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
 
    - ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยิมหรือใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม
 
    - สามารถปรับเปลี่ยนท่าออกกำลังกายให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้
 
    - ทำโปรแกรมออกกำลังกายสั้นๆ ในเวลาเพียง 15-20 นาทีก็ได้เช่นกัน
 
    
    3.ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
    
    - ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง
 
    - สามารถเริ่มต้นได้ทันทีในพื้นที่เล็กๆ เช่น บ้านหรือที่พัก บอดี้เวท เป็นวิธีที่สะดวกในการรักษาความฟิตแม้อยู่ต่างที่
 
    - ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงก์ วิดพื้น และสควอต การบอดี้เวทช่วยเพิ่มความแข็งแรงและเผาผลาญพลังงานได้ดี
 
    
    4.นักเดินทาง
    
    - สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย เพราะการออกกำลังกายแบบบอดี้เวทนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์หรือสถานที่เฉพาะ
 
    - ท่าง่ายๆ เช่น การแพลงค์ในห้องพักโรงแรม หรือวิดพื้นในสวนสาธารณะ ช่วยรักษาความฟิตได้
 
    
    5.ผู้สูงอายุ
    
    - สามารถปรับโปรแกรมบอดี้เวทให้เหมาะกับความสามารถและข้อจำกัดของผู้สูงอายุ
 
    - ท่าง่ายๆ เช่น ท่านั่งลุกบนเก้าอี้ หรือท่ายืดกล้ามเนื้อหลัง ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
 
    - ลดความเสี่ยงการหกล้มและเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ
 
    
    6.ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
    
    - บอดี้เวทเป็นวิธีที่ปลอดภัย เพราะควบคุมแรงกระแทกที่เกิดกับข้อต่อได้
 
    - ท่าออกกำลังกายอย่างเช่น การยืดกล้ามเนื้อหรือการแพลงค์ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะบาดเจ็บที่หัวเข่าและข้อเท้า
 
    - เหมาะสำหรับเริ่มต้นออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกลัวการบาดเจ็บ
 
    
    7.นักกีฬา
    
    - ใช้บอดี้เวทเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
 
    - ท่าเช่น Pull-up หรือ Plyometric Exercises ช่วยเพิ่มพลังและความเร็วในกีฬาเฉพาะทาง
 
    - พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ไม่ค่อยได้ใช้งานในโปรแกรมออกกำลังกายอื่น
 
    
    8.ผู้ที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย
    
    - เหมาะสำหรับผู้ที่ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ เพราะปรับให้เหมาะกับข้อจำกัดทางร่างกายได้
 
    - ท่าเบาๆ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ หรือการนั่งย่อตัว ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
 
    - เหมาะสำหรับฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ
 
    
    9.ผู้ที่ชอบความท้าทาย
    
    - บอดี้เวทมีท่าขั้นสูงมากมายที่ต้องใช้ความแข็งแรงและการควบคุมร่างกาย เช่น One-arm Push-up หรือ Pistol Squat
 
    - สามารถปรับเปลี่ยนท่าเพื่อเพิ่มความยากและความท้าทายได้เรื่อยๆ
 
    
    10.ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
    
    - แม้ไม่ใช้น้ำหนักภายนอก แต่บอดี้เวทช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
    - ท่าที่ต้องใช้ความพยายามสูง เช่น Pull-up, Plank Variations หรือ Handstand Push-up
 
    - ปรับจำนวนครั้งและความหนักเบาเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงตามเป้าหมาย
 
    
    ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มไหน บอดี้เวท ก็สามารถปรับให้เหมาะกับเป้าหมายและความสามารถของคุณได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ บอดี้เวท เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับทุกคนจริงๆ
    
 
    ▽ บอดี้เวท ต้องทำทุกวันไหม? ทำวันละกี่นาที?
    บอดี้เวท เป็นการออกกำลังกายที่ยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะกับทุกคนได้ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ต้องทำทุกวันไหม และควรทำนานแค่ไหน โดย บอดี้เวท ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน การฝึก 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว โดยควรมีวันพักสลับกับวันฝึก เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักฟื้นและเติบโต การฝึกทุกวันอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเหนื่อยล้าเกินไปได้ สำหรับผู้เริ่มต้น อาจเริ่มจาก 2-3 วันต่อสัปดาห์ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความแข็งแรงของร่างกาย
     
    ส่วนเรื่องระยะเวลา สำหรับผู้เริ่มต้น การฝึก 15-20 นาทีต่อวันก็เพียงพอ เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มเวลาเป็น 30-45 นาทีต่อวันได้ สิ่งสำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอและค่อยๆ เพิ่มความหนักขึ้นเรื่อยๆ
    การแบ่งการฝึกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้การทำ บอดี้เวท มีประสิทธิภาพ คุณอาจเลือกฝึกทุกส่วนของร่างกายในวันเดียว หรือแบ่งเป็นส่วนๆ เช่น วันหนึ่งฝึกขา อีกวันฝึกแขน และอีกวันฝึกแกนกลางร่างกาย การพักก็สำคัญไม่แพ้การฝึก ควรพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30 วินาที ถึง 2 นาที และมีวันพักอย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู เมื่อร่างกายเริ่มชิน คุณสามารถเพิ่มความท้าทายได้โดยเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต ลดเวลาพักระหว่างเซ็ต หรือเพิ่มความซับซ้อนของท่า
    
 
    ▽ ความถี่ในการออกกำลังกายพาวเวอร์ลิฟ
    ความถี่ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับของแต่ละคน
โดยโค้ชปูแน่นจะจำแนกเป็นดังนี้
    มือใหม่ (0-3 เดือน)
    
    - 3 วันต่อสัปดาห์ วันเว้นวัน
 
    - 20-30 นาทีต่อครั้ง
 
    - เน้นท่าพื้นฐาน ฝึกฟอร์ม
 
    
    ระดับกลาง (3-12 เดือน)
    
    - 4-5 วันต่อสัปดาห์
 
    - 30-45 นาทีต่อครั้ง
 
    - เพิ่มท่าที่ซับซ้อนขึ้น
 
    
    ระดับสูง (1 ปีขึ้นไป)
    
    - 5-6 วันต่อสัปดาห์
 
    - 45-60 นาทีต่อครั้ง
 
    - ผสมผสานท่ายาก เพิ่มความเข้มข้น
 
    
    
 
    ▽ ท่าออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท ที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น
    บอดี้เวท มีท่าออกกำลังกายมากมายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม นี่คือ 5 ท่าพื้นฐานที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น
    1.สควอท (Squats)
    ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก วิธีทำคือยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อตัวลงเหมือนนั่งเก้าอี้ โดยให้หลังตรงและเข่าไม่เลยปลายเท้า จากนั้นยืดตัวขึ้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซ็ต
    2.วิดพื้น (Push-ups)
    ท่านี้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก แขน และไหล่ เริ่มจากท่านอนคว่ำ มือวางห่างกันเท่าความกว้างของไหล่ ใช้แขนดันตัวขึ้น โดยให้ร่างกายเป็นแนวตรง แล้วลดตัวลงช้าๆ ทำซ้ำ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต หากยังทำไม่ไหว สามารถทำแบบเข่าแตะพื้นได้
    3.เพลงก์ (Planks)
    ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่านอนคว่ำ ยกตัวขึ้นโดยใช้ปลายเท้าและแขนท่อนล่างรับน้ำหนัก ให้ร่างกายเป็นแนวตรง พยายามค้างไว้ 20-30 วินาที ทำ 2-3 เซ็ต
    4.ลันจ์ (Lunges)
     ท่านี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับขาและสะโพก รวมถึงช่วยพัฒนาการทรงตัว ยืนตรง ก้าวขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า ย่อตัวลงให้เข่าทั้งสองข้างงอเป็นมุมฉาก แล้วดันตัวกลับสู่ท่าเริ่มต้น สลับขาทำอีกข้าง ทำข้างละ 5-10 ครั้งต่อเซ็ต
    5.เมาน์เทนไคลม์เบอร์ (Mountain Climbers)
     ท่านี้ช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัว เริ่มจากท่าวิดพื้น แล้วยกเข่าขวาขึ้นมาชิดอก สลับกลับไปที่เดิม แล้วยกเข่าซ้ายขึ้นมาแทน ทำสลับกันเร็วๆ เหมือนกำลังวิ่งอยู่กับที่ ทำต่อเนื่อง 30 วินาที พัก แล้วทำซ้ำ 2-3 เซ็ต
    เมื่อเริ่มต้น ให้ทำแต่ละท่า 2-3 เซ็ต โดยพักระหว่างเซ็ตประมาณ 30-60 วินาที เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น สามารถเพิ่มจำนวนครั้งหรือเซ็ต หรือลดเวลาพักลงได้
    การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอด้วยท่าเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของความแข็งแรง ความทนทาน และรูปร่างที่กระชับขึ้น นอกจากนี้ การฝึก บอดี้เวท ยังช่วยพัฒนาการทรงตัวและความมั่นคงของร่างกาย เนื่องจากต้องควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในหลายมิติ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในชีวิตประจำวันและช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้
    
 
    ▽ เทคนิคการบอดี้เวทพิเศษจากโค้ชมืออาชีพ
    การหายใจที่ถูกต้อง
    
    - หายใจเข้าช่วงผ่อนแรง
 
    - หายใจออกช่วงออกแรง
 
    - ไม่กลั้นหายใจระหว่างทำท่า
 
    
    การจัดท่าทาง
    
    - กดสะโพกเข้าหาลำตัวทุกท่า
 
    - รักษาแนวกระดูกสันหลัง
 
    - เกร็งหน้าท้องตลอดการเคลื่อนไหว
 
    
    
 
    ▽ การปรับท่าตามข้อจำกัดร่างกายแต่ละคน
    สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า
    
    - ย่อสควอทแค่ 45 องศา
 
    - เพิ่มการทำท่าวอล์คซิท
 
    - หลีกเลี่ยงจั้มพ์สควอท
 
    
    สำหรับผู้มีปัญหาหลัง
    
    - เริ่มพลังก์จากท่าคุกเข่า
 
    - ลดระยะเวลาการค้างท่า
 
    - เน้นการทำท่าที่นอนราบ
 
    
    
 
    ▽ การเตรียมตัวและการฟื้นฟูร่างกาย
    ก่อนเริ่ม
    
    - วอร์มอัพ 5-10 นาทีด้วยท่าง่ายๆ
 
    - ยืดเหยียดแบบไดนามิก
 
    - จิบน้ำ 200-300 มล.
 
    
    ระหว่างทำ
    
    - พักระหว่างเซ็ต 30-60 วินาที
 
    - หายใจสม่ำเสมอ
 
    - สังเกตสัญญาณเหนื่อยล้า
 
    
    หลังจบ
    
    - คูลดาวน์ 5-10 นาที
 
    - ยืดเหยียดแบบสถิต
 
    - ดื่มน้ำทดแทน 500 มล.
 
    
    
 
    ▽ โภชนาการสำหรับคนทำบอดี้เวท
    ก่อนออกกำลัง 1-2 ชั่วโมง
    
    - คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
 
    - โปรตีนย่อยง่าย
 
    - หลีกเลี่ยงไขมัน
 
    
    หลังออกกำลังทันที
    
    - โปรตีนคุณภาพสูง 20-30 กรัม
 
    - คาร์โบไฮเดรตฟื้นฟู
 
    - เกลือแร่ทดแทน
 
    
    Tips: สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นฝึก บอดี้เวท ควรเริ่มจากท่าพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนของท่าทาง รวมถึงจำนวนครั้งและเซ็ตในการฝึก การอบอุ่นร่างกายก่อนฝึกและการยืดกล้ามเนื้อหลังฝึกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
    
 
    ▽ ข้อดีของการทำ บอดี้เวท
    การทำ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างร่างกายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
    
    - เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ ปรับปรุงการทรงตัวและความยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บและการหกล้ม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ
 
    - ในด้านสุขภาพหัวใจและการเผาผลาญ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักและเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ
 
    - ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและการนอนหลับ โดยช่วยลดความเครียด อาการซึมเศร้า และความวิตกกังวล เพิ่มความมั่นใจและความรู้สึกดีต่อตัวเอง รวมถึงปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้น
 
    - การทำ บอดี้เวท ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคได้ดีขึ้น และยังปรับปรุงการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มความจำและการเรียนรู้อีกด้วย
 
    - การทำ บอดี้เวท อย่างสม่ำเสมอช่วยพัฒนาสุขภาพโดยรวม ทั้งร่างกายและจิตใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นและผู้สูงอายุ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่ำ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกายใหม่ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว
 
    - เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การหยิบจับสิ่งของหรือการทรงตัวในพื้นที่ไม่มั่นคง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่อาจสะสมจนเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ในอนาคตได้
 
    - กล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น นำไปสู่ความมั่นใจในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายหรือผู้สูงอายุที่ต้องการรักษาความแข็งแรงของร่างกาย
 
    - กล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงช่วยรองรับข้อต่อและลดแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเคลื่อนไหวผิดพลาด การออกกำลังกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพในระยะยาว ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
    
    
 
    ▽ คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับบอดี้เวท
    Q1: บอดี้เวทช่วยลดน้ำหนักได้เร็วแค่ไหน? 
A1: จากประสบการณ์ลูกค้าของดิฉัน เห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ หากทำควบคู่กับควบคุมอาหาร สามารถลดได้ 2-4 กก./เดือน อย่างปลอดภัย
    Q2: ทำบอดี้เวทแล้วกล้ามใหญ่เกินไปไหม?
A2: ไม่ใหญ่เกินค่ะ เพราะมีข้อจำกัดจากน้ำหนักตัว กล้ามเนื้อจะกระชับ แข็งแรง แต่ไม่บวมใหญ่
    Q3: ควรทำบอดี้เวทก่อนหรือหลังคาร์ดิโอ? 
A3: ขึ้นกับเป้าหมาย หากต้องการเผาผลาญ ทำคาร์ดิโอก่อน หากเน้นสร้างกล้าม ทำบอดี้เวทก่อน
    Q4: ทำบอดี้เวทแล้วต้องกินอาหารเสริมไหม? 
A4: ไม่จำเป็นสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ถ้าฝึกหนัก อาจเสริมโปรตีนเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
    Q5: เริ่มต้นทำบอดี้เวทควรทำกี่ครั้งต่อสัปดาห์? 
A5: เริ่มที่ 3 ครั้ง/สัปดาห์ วันเว้นวัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
    Q6: บอดี้เวทเหมาะกับผู้สูงอายุไหม? 
A6: เหมาะสมมาก เพราะใช้น้ำหนักตัวเอง ปรับระดับได้ ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกระดูก
    Q7: จะรู้ได้อย่างไรว่าทำบอดี้เวทถูกต้อง? 
A7: ต้องรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อเป้าหมาย ไม่มีอาการปวดข้อหรือหลัง และควรถ่ายวิดีโอตัวเองเพื่อเช็คท่าทาง
    
 
    
    
    สรุป
    การออกกำลังกายด้วยบอดี้เวท (Body Weight) หนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม เพราะข้อดีของการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ คือการที่สามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ ทุกเวลา และช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ดีมาก แถมยังไม่ต้องไปใช้บริการฟิตเนส โดยที่เราสามารถออกกำลังกายได้เองที่บ้าน
    อ้างอิงแหล่งข้อมูล
    
        - https://www.fitmesport.com/bodyweight-exercises-for-women/
 
        - https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/body-weight