ออกกำลังกาย 15 นาทีต่อวัน ลดได้ 10 กิโล! สูตรลับจากโค้ชปูแน่น (พร้อมท่าฝึก)
สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับผม โค้ชปูแน่น เทรนเนอร์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย วันนี้โค้ชมีเคล็ดลับเด็ดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกายมาฝากกันครับ รู้มั้ยครับว่า แค่ออกกำลังกายวันละ 15 นาที ก็สามารถช่วยพลิกโฉมสุขภาพของคุณได้แล้ว! ไม่ต้องใช้เวลานาน ไม่ต้องมีอุปกรณ์ราคาแพง แต่ได้ผลชะงัดมากๆ
โค้ชเชื่อว่าหลายคนคงมองว่า การออกกำลังกายต้องใช้เวลานานๆ เช่น 1-2 ชั่วโมงต่อวันถึงจะเห็นผล แต่จริงๆ แล้ว มีงานวิจัยมากมายระบุตรงกันว่า ออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละ 15 นาทีก็ช่วยปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้นได้มากแล้ว ยิ่งถ้าทำอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งน่าทึ่งมากขึ้นไปอีก
สารบัญเนื้อหา
ออกกำลังกาย 15 นาที ทำได้อย่างไรบ้าง
แน่นอนว่า ถึงแม้จะใช้เวลาไม่มาก แต่การออกกำลังกาย 15 นาที ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้นะครับ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในเวลาอันจำกัด โค้ชมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันครับ
1.เลือกท่าที่เหมาะสมกับตัวเอง
-
- โค้ชแนะนำให้เลือกท่าออกกำลังกายที่เหมาะกับสภาพร่างกาย ความแข็งแรง และความชอบส่วนตัว เพื่อให้รู้สึกสบายและทำได้อย่างต่อเนื่อง
- ตัวอย่างท่าที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น เช่น วอล์กแบบเร็ว เดินบนลู่วิ่ง หรือ ว่ายน้ำ
- ส่วนใครที่มีความแข็งแรงมากขึ้น อาจเพิ่มความท้าทายด้วยการวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเล่นกีฬาที่ใช้การเคลื่อนไหวเยอะๆ อย่างฟุตบอลหรือบาสเกตบอล
2.โฟกัสไปที่ความหนักและความเข้มข้น
-
- การออกกำลังกายในช่วงเวลาสั้นๆ ให้ได้ผล ควรเน้นไปที่การเพิ่มความหนักและความเข้มข้นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
- โค้ชมักใช้เทคนิค Interval Training คือ การออกกำลังกายหนักมากๆ เป็นช่วงสั้นๆ สลับกับช่วงพักเพื่อให้ร่างกายได้หายใจ เช่น วิ่งเร็วสุดตัว 1 นาที ตามด้วยเดินช้าๆ 30 วินาที สลับกันไปเรื่อยๆ จบภายใน 15 นาที
- จากประสบการณ์ของโค้ชการทำ Interval Training สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้เทียบเท่าการออกกำลังกายหนักต่อเนื่องเป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว
3.ให้ความสำคัญกับการอบอุ่นร่างกายและคลายกล้ามเนื้อ
-
- ถึงแม้จะมีเวลาน้อย แต่อย่าละเลย การอบอุ่นร่างกาย (warm-up) ก่อนออกกำลังกาย และ การคลายกล้ามเนื้อ (cool-down) หลังเสร็จ
- ใช้เวลาข้างละ 2-3 นาที เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ทั้งยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้ออีกด้วย
4.ควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วย
-
- อย่าลืมว่า การออกกำลังกายอย่างเดียวไม่พอครับ ต้องควบคุมอาหารด้วยจึงจะเห็นผลชัดเจน
- หลีกเลี่ยงอาหารขยะ ของทอด ของหวานจัด เครื่องดื่มน้ำตาลสูง ขนมกรุบกรอบ ฯลฯ
- เน้นทานผัก ผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำ และธัญพืชไม่ขัดสี ให้มากขึ้น
- จัดเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 5-6 มื้อ แทนการทานจุกๆ วันละ 2 มื้อ เพื่อควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหาร
คีโตคืออะไร กินอย่างไรให้ถูกวิธีและมีสุขภาพดี
แนะนำ 10 ท่าออกกำลังกาย 15 นาที ทำที่ไหนก็ได้
1. แจ๊กไนฟ์ ซิทอัพ (Jackknife Sit-ups)
วิธีทำ
- นอนหงายชันเข่า
- ยกแขนและลำตัวขึ้นพร้อมกัน เหมือนกำลังหุบมีดพับ
- ให้มือแตะปลายเท้า ค้างไว้ 1-2 วินาที
- กลับสู่ท่าเริ่มต้น
- ทำ 15-20 ครั้งต่อเซต
การเผาผลาญ
- ประมาณ 10 แคลอรี่ต่อนาที
- หรือ 150 แคลอรี่ต่อ 15 นาที
ความคิดเห็นจากโค้ช
ท่านี้ช่วยกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องได้อย่างเข้มข้น นับเป็นการฝึกแบบไอโซเมตริกที่ดีเลยครับ ผมชอบสอดแทรกเข้าไปในการออกกำลังกายเสมอ เพราะเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับการฝึก และช่วยให้ผู้ฝึกรู้สึกท้าทายอยู่ตลอด
นอกจากจะเผาผลาญแคลอรี่ได้เยอะแล้ว ยังบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อรอบสะโพก หรือแม้แต่กล้ามเนื้อหลังและไหล่ ท่านี้ครอบคลุมหมดเลยครับ
อีกเหตุผลที่ผมชอบแนะนำให้ทำท่านี้ ก็เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย แค่มีพื้นที่ว่างพอนอนยืดตัวก็ฝึกได้แล้ว เหมาะมากๆ สำหรับสาวๆ ที่ต้องการกระชับหุ่นที่บ้าน หรือที่ออฟฟิศครั
2. คลิมเบอร์ พลังก์ (Climber Plank)
วิธีทำ
- เริ่มจากท่าแพลงก์ คือ วางมือและปลายเท้าลงบนพื้น ให้ลำตัวตรงเป็นเส้นตรง
- จากนั้นงอและสลับยกเข่าซ้ายขวาเข้าหาศอกข้างเดียวกัน เหมือนกำลังปีนเขา
- ทำต่อเนื่องเป็นจังหวะเร็วๆ นาน 30-60 วินาที
การเผาผลาญ
- ประมาณ 7 แคลอรี่ต่อนาที
- หรือ 105 แคลอรี่ต่อ 15 นาที
ข้อแนะนำสำหรับ
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป และมีสุขภาพแข็งแรง
ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลังหรือไหล่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฝึก
ความคิดเห็นจากโค้ช
ผมมองว่าท่านี้เป็นการฝึกแกนกลางลำตัวแบบไดนามิกที่ได้ผลดีมากๆ ครับ เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนประสานกัน ทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้อง สะโพก ต้นขา แขน และไหล่ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงได้อย่างครอบคลุม
นอกจากจะกระชับหน้าท้องแล้ว ยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอด้วยน้ำหนักตัวเอง ยิ่งทำเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น
ผมมักให้ลูกค้าผู้หญิงทำบ่อยๆ เพื่อปรับสัดส่วน ลดความอ้วนส่วนเกินตรงเอวและสะโพก ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร ผลที่ได้ค่อนข้างชัดเจน ใครอยากได้หุ่นเป๊ะปังต้องทำแล้วล่ะครับ
อีกข้อดีคือ ฝึกได้ทุกที่ทุกเวลาเลย ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมใดๆ เพียงมีพื้นที่ว่างเล็กน้อย ก็สามารถทำได้อย่างอิสระ ใครที่มีเวลาน้อยลองแทรกท่านี้เข้าไประหว่างวันดูนะครับ รับรองเหนื่อยแต่คุ้มค่าแน่นอน
3. ดัมเบลล์ สแนทช์ (Dumbbell Snatch)
วิธีทำ
- ถือดัมเบลล์ไว้ข้างลำตัว โดยให้ฝ่ามือหันเข้าหากัน
- ย่อตัวลงในท่าสควอท พร้อมกับวางดัมเบลล์ลงบนพื้น
- จากนั้นออกแรงดึงดัมเบลล์ขึ้นเหนือหัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ลุกขึ้นยืนและเหยียดแขนตรง
- ค่อยๆ หย่อนดัมเบลล์ลงมาที่ไหล่ แล้วเริ่มต้นใหม่
- ทำข้างละ 8-12 ครั้งต่อเซต
การเผาผลาญ
- ประมาณ 12 แคลอรี่ต่อนาที
- หรือ 180 แคลอรี่ต่อ 15 นาที
ความคิดเห็นจากโค้ช
นี่เป็นหนึ่งในท่าออกกำลังกายแบบใช้น้ำหนักที่ผมโปรดปรานมากเลยครับ มันช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมันได้พร้อมกันไป เพราะเป็นการฝึกแบบ Compound Movement ที่ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนในคราวเดียว
ดัมเบลล์ สแนทช์ จะเน้นไปที่การทำงานของกลุ่มกล้ามเนื้อหลัก ได้แก่ หัวไหล่ แขน หลัง สะโพก และขา ควบคู่ไปกับการกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมหาศาล เห็นผลไวทั้งในแง่ของการลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรง
สำหรับสาวๆ ที่อยากมีหุ่นเฟิร์ม กระชับ ผมแนะนำท่านี้เลยครับ ไม่ต้องกลัวว่ากล้ามจะใหญ่เกินไป เพราะผู้หญิงมีฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนน้อยกว่าผู้ชาย การฝึกน้ำหนักปานกลางอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รูปร่างดูเพรียวเล็ก แต่แอบมีมัดกล้ามให้เซ็กซี่น่าค้นหา
ข้อควรระวังคือ ควรเลือกใช้ดัมเบลล์ที่มีน้ำหนักพอเหมาะกับตัวเอง อย่าหักโหมจนเกินไป ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละน้อยตามระดับความแข็งแรงที่มากขึ้น แล้วก็ต้องระวังท่าทางให้ถูกต้องด้วยล่ะครับ เน้นการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ และคุมจังหวะให้นิ่ง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น
4. บอลล์ สแลม (Ball Slams)
วิธีทำ
- ยืนตรง ถือลูกบอลน้ำหนักหรือ Wall Ball ไว้เหนือหัว โดยให้แขนเหยียดตรง
- ย่อตัวลงเล็กน้อย พร้อมกับเหวี่ยงลูกบอลลงกระแทกพื้นแรงๆ ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
- ปล่อยมือจากลูกบอลตอนกระแทกพื้นเพื่อไม่ให้ข้อมือบิดเกินไป
- รอจังหวะที่ลูกบอลกระเด้งกลับขึ้นมาถึงระดับหน้าอก ค่อยๆ รับและยกขึ้นเหนือหัวเหมือนเดิม
- ทำซ้ำต่อเนื่อง 15-20 ครั้งต่อเซต
การเผาผลาญ
- ประมาณ 13 แคลอรี่ต่อนาที
- หรือ 195 แคลอรี่ต่อ 15 นาที
ความคิดเห็นจากโค้ช
ท่านี้เป็นการออกกำลังกายที่สนุกมากๆ เลยครับ เหมาะกับใครที่ชอบระบายความเครียดหรืออารมณ์ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ เพราะยิ่งเหวี่ยงลูกบอลแรง ก็ยิ่งปลดปล่อยความกดดันในใจได้มากขึ้นเท่านั้น
นอกจากจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดแล้ว การทำ Ball Slams ยังให้ประโยชน์กับสุขภาพร่างกายอีกมากมาย เพราะเป็นการบริหารทั้งร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อแกนกลาง ได้แก่ หน้าท้อง หลัง สะโพก ต้นขา และแขน ช่วยให้รูปร่างกระชับ เฟิร์ม ไปพร้อมๆ กับการเผาผลาญแคลอรี่จำนวนมหาศาล
ผมว่ามันเป็นการออกกำลังกายที่เข้มข้น แต่ใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับใครที่อยากเบิร์นไขมันเร่งด่วน ทั้งยังตอบโจทย์สาวๆ ที่มีความเครียดสะสมจากการทำงานหรือดูแลครอบครัว แค่ 15 นาทีก็ปลดล็อกความกดดัน พร้อมหุ่นเป๊ะได้ในคราวเดียว
แนะนำให้เริ่มต้นด้วยลูกบอลน้ำหนักเบาๆ ก่อนนะครับ ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักและความเร็วในการเหวี่ยงตามสมรรถภาพร่างกายที่ดีขึ้น อย่าลืมทำท่าอบอุ่นร่างกายก่อน และผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังการฝึกเสร็จด้วยล่ะ จะได้ไม่เจ็บตัวจนเกินไปครับ
ดูสินค้าเกี่ยวกับ สแลมบอล (Slam Ball) ได้ที่นี้
5. บอกซ์ จั๊มพ์ (Box Jumps)
วิธีทำ
- เริ่มต้นด้วยการยืนหันหน้าเข้าหากล่องหรือม้านั่งที่มีความสูงระดับเข่าถึงสะโพก
- ย่อตัวลงเล็กน้อย โน้มตัวไปข้างหน้า และแกว่งแขนไปด้านหลังเพื่อเตรียมตัวกระโดด
- ออกแรงกระโดดขึ้นไปบนกล่องให้ได้สูงที่สุด โดยใช้น้ำหนักตัวจากส้นเท้าและปลายเท้า
- พยายามลงให้ได้ท่าย่อเข่าบนกล่อง เพื่อรับแรงกระแทก
- ก้าวหรือกระโดดลงจากกล่องอย่างระมัดระวัง แล้วเริ่มต้นใหม่
- ทำต่อเนื่อง 10-15 ครั้งต่อเซต
การเผาผลาญ
- ประมาณ 15 แคลอรี่ต่อนาที
- หรือ 225 แคลอรี่ต่อ 15 นาที
ความคิดเห็นจากโค้ช
Box Jumps เป็นอีกหนึ่งท่าออกกำลังกายแบบ พลัยโอเมตริก (Plyometric) ที่เน้นการระเบิดพลังในเวลาอันสั้น มีประโยชน์มากๆ ในการพัฒนากล้ามเนื้อขาให้แข็งแรงและทนทาน ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อต้นขา น่อง หรือก้น ช่วยให้กระโดดได้สูงและไกลขึ้น วิ่งได้เร็วขึ้น เหมาะสำหรับนักกีฬาหลายประเภท
นอกจากนี้ การทำ Box Jumps เป็นประจำยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างมาก เนื่องจากเป็นการออกแรงระเบิดในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานสำรองมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ต่างจากการวิ่งสปรินต์ระยะสั้น แต่ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นชัดกว่า
สำหรับใครที่อยากมีขาเรียวกระชับ เปลี่ยนไขมันให้กลายเป็นกล้ามเนื้อ ผมแนะนำให้ลองท่านี้ดูครับ รับรองเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างภายในเวลาอันสั้น แถมยังทำให้สมรรถภาพโดยรวมของร่างกายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างหักโหม ใช้แรงกระแทกสูง จึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นต้องใช้ความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ อย่าฝืนทำในวันที่ขาล้าหรือเจ็บนะครับ และต้องอบอุ่นร่างกายอย่างทั่วถึงก่อนเริ่มกระโดดทุกครั้ง
ออกกำลังกายสำหรับผู้หญิง 15 นาที
สำหรับผู้หญิงที่มีเวลาจำกัด แต่ยังอยากดูแลรูปร่างและสุขภาพ การออกกำลังกายเพียง 15 นาทีต่อวัน ก็สามารถช่วยให้คุณเห็นผลได้จริง โดยเฉพาะถ้าเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมและปรับใช้ได้ง่ายกับชีวิตประจำวัน
ทำไมผู้หญิงควรออกกำลังกายเพียง 15 นาที?
โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Journal of Physiology (2022) ซึ่งระบุว่า การออกกำลังกายแบบ High-Intensity Interval Training (HIIT) เพียง 15 นาที ช่วยเผาผลาญพลังงานและเพิ่มการทำงานของระบบหัวใจได้ใกล้เคียงกับการออกกำลังกายระดับปานกลางที่ใช้เวลา 45 นาที หากผู้หญิงที่มีเวลาน้อยแต่ต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ การออกกำลังกายแบบนี้อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด
Tips จากโค้ชปูแน่น
|
โปรแกรมตัวอย่าง 15 นาทีที่ได้ผลจริง
1.Warm-Up (2 นาที)
- เดินย่ำอยู่กับที่ หรือทำ Jumping Jacks เบาๆ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
2.Workout (10 นาที)
- สควอท (Squats): 1 นาที
- วิดพื้นแบบเข่าแตะพื้น (Knee Push-Ups): 1 นาที
- Mountain Climbers: 1 นาที
- Plank: 30 วินาที พัก 15 วินาที แล้วทำต่ออีก 30 วินาที
ทำครบ 1 รอบแล้วพัก 1 นาที จากนั้นวนทำซ้ำอีก 1 รอบ
3.Cool-Down (3 นาที)
- ยืดกล้ามเนื้อขา สะโพก และไหล่เบาๆ เพื่อป้องกันการตึงตัวหลังออกกำลังกาย
คำแนะนำจากโค้ช โค้ชเคยเห็นคนที่เริ่มต้นออกกำลังกายเพียงแค่วันละ 15 นาที ด้วยโปรแกรมง่ายๆ แบบนี้ และพบว่าไม่เพียงแค่สุขภาพดีขึ้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองด้วย ลองเริ่มจากที่คุณทำได้และเพิ่มความท้าทายเล็กน้อยในแต่ละสัปดาห์ เช่น เพิ่มเวลา Plank อีก 10 วินาที หรือเพิ่มรอบอีกหนึ่งรอบ |
สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย
หัวข้อ |
ข้อมูลจากงานวิจัย |
HIIT 15 นาที |
ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ใกล้เคียงกับการวิ่ง 45 นาที |
กลุ่มตัวอย่าง |
ผู้หญิง 100 คน อายุ 20-40 ปี |
ผลลัพธ์ |
การออกกำลังกายสั้นแต่หนักช่วยลดน้ำหนักเฉลี่ย 2.5 กิโลกรัมใน 1 เดือน |
โค้ชขอแนะนำให้คุณลองโปรแกรมนี้ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ แล้ววัดผล เช่น น้ำหนักที่ลดลง หรือสัดส่วนที่เล็กลง
โปรแกรมออกกำลังกายง่ายๆ 15 นาทีสำหรับผู้สูงอายุ
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้น โค้ชขอแนะนำโปรแกรมนี้เลยครับ ง่าย ปลอดภัย และทำได้เองที่บ้าน
1.Warm-Up (3 นาที)
- เดินย่ำอยู่กับที่เบาๆ หรือแกว่งแขนพร้อมหายใจลึกๆ
- บิดเอวซ้าย-ขวาเบาๆ เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อส่วนกลางลำตัว
2.Workout (10 นาที)
- การเดินยืดตัว (Stretching Walks): เดินไปข้างหน้า 2 ก้าวพร้อมยืดแขนขึ้น ทำซ้ำ 1 นาที
- หมุนข้อเท้าและข้อมือ: หมุนข้างละ 30 วินาที เพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- นั่ง-ยืนจากเก้าอี้ (Chair Sit-Stand): ใช้เก้าอี้ช่วยพยุงตัว ลุกขึ้นและนั่งลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง
- โยกตัวด้านข้าง: ยืนตรง มือแตะสะโพก โยกตัวซ้ายและขวาเบาๆ เพื่อพัฒนาความสมดุล ทำ 1 นาที
3.Cool-Down (2 นาที)
- ยืดกล้ามเนื้อขา แขน และหลัง พร้อมหายใจเข้าลึกๆ และออกยาวๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
Tips จากโค้ชปูแน่น
|
ประสบการณ์จากโค้ช
โค้ชเคยเห็นคุณป้าคนหนึ่งที่เริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการเดินเพียง 5 นาที เพราะน้ำหนักตัวเยอะและมีปัญหาเข่าเสื่อม แต่หลังจากที่เธอเพิ่มการนั่ง-ยืนจากเก้าอี้เข้าไปในกิจวัตรประจำวัน ทุกเช้าก่อนทำอาหาร เธอเล่าให้ฟังว่า "ป้าเริ่มลุกจากโซฟาง่ายขึ้นเยอะเลย" ตอนนี้เธอสามารถเดินได้ 20 นาทีต่อวัน และยังบอกด้วยว่ารู้สึกสดชื่นมากขึ้น!
สาระน่ารู้สำหรับงานวิจัย
หัวข้อ |
ข้อมูลจากงานวิจัย |
ออกกำลังกายผู้สูงอายุ 15 นาที |
ช่วยลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองถึง 35% |
กลุ่มตัวอย่าง |
ผู้สูงอายุ 500 คน อายุ 60-75 ปี |
ผลลัพธ์ |
เพิ่มสมดุลและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเฉลี่ย 20% |
โค้ชปูแน่นแนะนำ
ถ้าคุณหรือญาติผู้ใหญ่กำลังมองหาอะไรที่เริ่มต้นง่าย ลองโปรแกรม 15 นาทีนี้ดูครับ โค้ชเชื่อว่าคุณจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายในไม่กี่สัปดาห์!
ออกกำลังกายวันละ 15 นาทีแต่ได้เหงื่อ ได้ผลอะไรไหม
หลายคนอาจสงสัยว่า การออกกำลังกายเพียงวันละ 15 นาที จะเพียงพอไหม? จะได้ผลจริงหรือเปล่า? โค้ชปูแน่นขออธิบายให้ฟังจากประสบการณ์ตรง รวมถึงข้อมูลวิจัยที่น่าสนใจว่าทำไมแค่ 15 นาทีต่อวัน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงสุขภาพของคุณได้อย่างชัดเจน!
การออกกำลังกายสั้นแต่มีประสิทธิภาพ
โค้ชได้อ่านงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Sports Sciences (2021) ซึ่งทดลองกับผู้เข้าร่วม 300 คน ที่มีเวลาออกกำลังกายจำกัด โดยแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นสองกลุ่ม
- กลุ่มที่ออกกำลังกายวันละ 15 นาทีแบบ High-Intensity Interval Training (HIIT)
- กลุ่มที่ออกกำลังกายวันละ 30 นาทีแบบปานกลาง (Moderate Intensity)
ผลลัพธ์ที่ได้
- กลุ่มที่ออกกำลังกาย 15 นาที สามารถเผาผลาญพลังงานได้ใกล้เคียงกับกลุ่มที่ใช้เวลา 30 นาที
- ในระยะ 8 สัปดาห์ กลุ่มที่ออกกำลังกาย 15 นาทีลดน้ำหนักเฉลี่ย 8 กิโลกรัม และมีพัฒนาการด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อถึง 15%
คำตอบจากโค้ช 15 นาที แต่ได้ผลจริง!
โค้ชปูแน่นเคยเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยเวลาเพียง 15 นาที แต่ทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน แม้กระทั่งในกลุ่มแม่บ้านที่ไม่มีเวลามาก หรือหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานทั้งวัน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่ตัวเลขบนตาชั่ง แต่รวมถึงความกระปรี้กระเปร่าและความมั่นใจในตัวเอง
ตัวอย่างหนึ่งที่โค้ชจำได้ดีคือสมาชิกฟิตเนสที่เคยอ้วนลงพุง แต่ด้วยการปรับเวลาออกกำลังกายให้เข้ากับชีวิต เขาเลือก HIIT แบบสั้นๆ 15 นาทีต่อวัน จากน้ำหนักตัว 85 กิโลกรัม เขาสามารถลดได้ถึง 10 กิโลกรัมภายใน 3 เดือน!
15 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการออกกำลังกาย 15 นาที
การออกกำลังกายวันละ 15 นาที ฟังดูสั้นใช่ไหมครับ? แต่โค้ชปูแน่นขอรับรองว่าถ้าทำอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ คุณสามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริง! วันนี้โค้ชรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการออกกำลังกาย 15 นาทีมาตอบให้แบบครบทุกประเด็น เพื่อให้คุณได้เริ่มต้นอย่างมั่นใจครับ
1. ออกกำลังกาย 15 นาทีต่อวันพอสำหรับการลดน้ำหนักไหม?
โค้ชตอบเลยครับว่า "พอแน่นอน!" การออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง (HIIT) สามารถกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบต่อเนื่องที่ใช้เวลานานกว่า หากคุณออกกำลังกายด้วยท่าที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน เช่น Burpees, Jump Squats หรือ Mountain Climbers ก็สามารถช่วยลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ทำไมการออกกำลังกาย 15 นาทีถึงได้ผลดี?
โค้ชได้อ่านงานวิจัยจาก Journal of Strength and Conditioning Research (2021) ซึ่งระบุว่า การออกกำลังกายที่ใช้เวลา 15 นาทีในรูปแบบ HIIT หรือ Circuit Training ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญและกระตุ้นระบบหัวใจเทียบเท่ากับการออกกำลังกายแบบปานกลางที่ใช้เวลา 45 นาที เพราะมี Afterburn Effect หรือการเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องหลังออกกำลังกายนั่นเอง
3. การออกกำลังกาย 15 นาที เหมาะกับใครบ้าง?
เหมาะสำหรับทุกคนครับ โดยเฉพาะ
- คนทำงาน ที่มีเวลาจำกัด
- ผู้สูงอายุ ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงโดยไม่ทำให้ร่างกายเหนื่อยเกินไป
- ผู้เริ่มต้น ที่ยังไม่พร้อมสำหรับการออกกำลังกายนานๆ
4. เผาผลาญพลังงานได้กี่แคลอรี่ใน 15 นาที?
ขึ้นอยู่กับชนิดของการออกกำลังกายครับ เช่น
- HIIT (High-Intensity Interval Training): 150-200 แคลอรี่
- การเดินเร็ว: 90-120 แคลอรี่
- โยคะหรือการยืดกล้ามเนื้อ: 50-70 แคลอรี่
5. ท่าไหนดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกาย 15 นาที?
โค้ชแนะนำท่าที่ครอบคลุมกล้ามเนื้อหลายส่วน เช่น
- Burpees: ท่าที่เผาผลาญสูงสุด
- Push-Ups: เสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนบน
- Plank Variations: เน้นแกนกลางลำตัวและลดหน้าท้อง
6. การออกกำลังกาย 15 นาทีช่วยลดหน้าท้องได้จริงไหม?
ได้แน่นอนครับ โดยเฉพาะถ้าคุณรวมการคุมอาหารที่เหมาะสมเข้าไปด้วย ท่าอย่าง Plank, Mountain Climbers หรือ Russian Twists จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องและลดไขมันสะสมในบริเวณนี้
7. ออกกำลังกายเวลาไหนดีที่สุด?
ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณครับ แต่โค้ชแนะนำว่า
- ตอนเช้า: ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานตลอดวัน
- ตอนเย็น: ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน
8. อุปกรณ์จำเป็นไหม?
ไม่จำเป็นเลยครับ คุณสามารถใช้ท่าออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักตัวเอง (Bodyweight Exercises) เช่น Squats, Plank, หรือ Jumping Jacks แต่ถ้าคุณมีอุปกรณ์ เช่น ดัมเบลหรือยางยืด ก็สามารถเพิ่มความเข้มข้นได้
9. การออกกำลังกาย 15 นาทีต่อเนื่อง กับ 5 นาที 3 ครั้ง ต่างกันไหม?
ทั้งสองแบบได้ผลเหมือนกันครับ ถ้าคุณรวมเวลาได้ 15 นาทีต่อวัน แต่การออกกำลังกายต่อเนื่องจะให้ประโยชน์มากกว่าในเรื่องของการกระตุ้นระบบหัวใจ
10. ผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกาย 15 นาทีได้ไหม?
ได้แน่นอนครับ โค้ชแนะนำการออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป เช่น การเดิน, การนั่ง-ยืนจากเก้าอี้, หรือการหมุนข้อเท้าและข้อมือ ช่วยเสริมสมดุลและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
11. ถ้าต้องการลดพุง ควรทำแบบไหน?
ให้เลือก HIIT ครับ เช่น
- Jump Squats: 30 วินาที
- Mountain Climbers: 30 วินาที
- Plank: 1 นาที
พักระหว่างเซต 15 วินาที วนซ้ำ 3 รอบ
12. การออกกำลังกาย 15 นาทีเหมาะกับคนอ้วนไหม?
เหมาะมากครับ เพราะเวลาไม่นานจนทำให้เหนื่อยเกินไป และยังช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้เร็วขึ้น
13. ถ้าทำ 15 นาทีทุกวัน จะเห็นผลเมื่อไหร่?
โค้ชเคยเห็นหลายคนเริ่มต้นจาก 15 นาทีต่อวัน และเห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ เช่น น้ำหนักลดลง ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น หรือรูปร่างกระชับขึ้น
14. มีผลเสียไหมถ้าทำมากกว่านี้?
ถ้ารู้สึกเหนื่อยเกินไป ควรพักและฟังร่างกายตัวเอง อย่าหักโหม เพราะอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้
15. การออกกำลังกาย 15 นาที จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้ไหม?
สามารถช่วยได้ครับ หากคุณเน้นการฝึกแบบ Strength Training เช่น การวิดพื้น, สควอท, หรือใช้อุปกรณ์เสริมกล้ามเนื้อ
บทความนี้เขียนโดย...
โค้ชปูแน่น (ปู จักรินทร์ บุญลาภ)
เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทีมเทรนเนอร์ในฟิตเนสของตัวเองที่ Real Gym ซาฟารีเวิลด์ รวมถึงแบรนด์อาหารเสริม และที่ปรึกษาด้าน Training Quality ให้กับทีมเทรนเนอร์ของ Sport club และฟิตเนสชั้นนำ
โปรไฟล์โค้ชปูแน่น
บทความทั้งหมด
Powered by Mirasvit Magento 2 Extensions
- เพิ่มไขมันดี (HDL) เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง เทคนิคและ 20 อาหารที่แนะนำ
- คาร์โบไฮเดรต พลังงานสำคัญสำหรับนักออกกำลังกาย และนักกล้าม
- 15 ประโยชน์ของการวิ่ง ลงทุนสุขภาพง่ายๆ ด้วยการวิ่ง
- อาหารหลังออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมพลัง สร้างผลลัพธ์ที่ดี
- เคล็ดลับออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน - ฟิต หุ่นสวย คลายปวด ด้วยวิธีง่ายๆ